วันที่ 24 ธ.ค.67 นายสนธิญา สวัสดี เข้ายื่นหนังสือกับนายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย และรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีเงินจำนวนกว่า 100 ล้าน โดยแยกเป็น 3 ก้อน ประกอบด้วย เงิน 75 ล้าน 25 และ 20 ล้านบาท ซึ่งนายสนธิญายื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบที่มาของเงิน พร้อมทั้งกล้ายืนยันตรงนี้ ได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือการคุยกันในเรื่องของการสมัคร นายกอบจ.ปราจีนบุรี และมองว่าเป็นการเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร และประเด็นว่าเงินจำนวนนี้ ไม่ได้จ่ายภาษี จึงนำเอกสารเข้ามาให้ทาง ปปง.โปรดพิจารณาและวินิจฉัยเพื่อที่จะไต่สวนและตรวจสอบและดําเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายถ่ายเทหรือนําไปใช้ในเรื่องของการเลือกตั้งซึ่งทําให้การเลือกตั้งนั้นไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนการประสานหลักฐานเรื่องเงินนั้น ทางนายสนธิญา ระบุว่า จะขอประสานนายสันธนะ ประยูรรัตน์ โดยอ้างอิงนายสันธนะ เป็นพยานในประเด็นนี้ เพราะนายสันธนะ อาจจะมีข้อมูล พร้อมฝากถึงพี่น้องประชาชนคนหนึ่งคนใดในปราจีนบุรีหรือที่ไหนก็ตามรู้ข่าวหรือทราบข่าวว่ามีข้อมูลอะไร ก็ส่งมาที่ตนได้ในเฟซบุ๊ก หรือ เบอร์โทรมือถือตน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นจริงและเป็นรูปภาพจริงและมีการคุยจริงเงินเกือบร้อยล้านนั้น อยากถามว่าทําธุรกิจอะไร และต้องไปตรวจสอบคนที่เอาเงินมาหรือคนที่จะรับเงินทําธุรกิจอะไรเป็นหลักถึงได้เงินเป็น 20 ล้าน 70 ล้าน 25 ล้านแล้วเอาไปแบ่งให้ใคร โดยมีการระบุว่า เอาไปแบ่งให้กับผู้ที่จะลงสมัครสมาชิกนายกอบจ.ของจังหวัดด้วย เพราะฉะนั้นในประเด็นนี้ไม่ได้กล่าวหา แต่เป็นไปตามข่าวและคลิปวิดีโอที่มีการบันทึกและเป็นไปโดยสาธารณะทุกคนรับรู้ได้
นอกจากนี้ นายสนธิญา ยังขอพูดตรงตรงๆ เกี่ยวกับสมัครพรรคเพื่อไทย รัฐบาลชุดนี้ก็คือรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นจึงไม่มั่นใจตํารวจเท่าไหร่ แต่ต้องมาที่ ปปง. แต่ ปปง. ก็ขึ้นตรงกับสํานักนายก แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าปปง. ก็น่าจะคํานึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนและการเลือกตั้งมากที่สุดที่เป็นสุจริตและเที่ยงธรรม หลังจากนี้นายสนธิญา จะติดตามจนถึงที่สุดกัดไม่ปล่อยอยู่แล้ว เพราะเป็นประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศด้วยและพี่น้องจังหวัดปราจีนบุรี
ส่วนประเด็นปึกเงินแบงค์ร้อย ส่วนตัวนายสนธิญา ไม่แน่ใจว่าของจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าเป็นหลักร้อย ตนเข้าใจว่าเขาเตรียมการเพื่อที่จะซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ตนไม่ได้ระบุว่าใครซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่กรณีการจะเข้าไปสู่การเลือกตั้ง แบงค์ 1,000 บาท แจกไม่ได้ ถ้าแจกได้ก็คือต้องแบงค์ 100 บาท หรือแบงค์ 50 บาท ก็คือว่ามันสามารถแจกได้วันละ 200-300 บาท โดยไม่ต้องแลก โดยนายสนธิญา มองว่า นี่คือเขาเตรียมการไว้ครบถ้วนกระบวนการหมดแล้ว เพื่อนําไปสู่การเลือกตั้งท้องถิ่น “กรณีที่คุณจะเตรียมการเลือกตั้งก่อนหนึ่งเดือนนี้ คุณจะใช้เงินสมมุติ 20 ล้าน คุณต้องแลกเงินแบงค์ร้อยใน 20 ล้าน เพราะฉะนั้นเฉพาะในปราจีนบุรี อาจจะไม่มีต้องไปแลกต่างจังหวัด เลขสารพัดเพื่อให้ได้ 20 ล้านและเก็บไว้ เข้าใจว่าพอได้เบอร์ปั๊บ เขาก็ซื้อล่วงหน้าก่อนเลือกตั้งเป็นเดือนแล้ว”
ส่วนคนที่ขายเสียง นายสนธิญา ระบุว่า เขาก็ดูว่าคนไหนซื้อมากกว่าคนไหนซื้อน้อยกว่า อย่างบางที่ซื้อ 200 อีกคนนึงซื้อ 200 เท่านั้น ถ้าในบ้านมี 2 คนก็แยกกันเลือกคนละเบอร์ ซึ่งการเลือกตั้งเป็นแบบนี้ เราจึงมีคะแนนที่ฉิวเฉียด เพราะซื้อสองฝั่งอย่างเท่ากัน เพราะฉะนั้นเงิน 20 ล้านที่เป็นแบงค์ร้อย เพราะว่าเขาต้องใช้ในการเลือกตั้ง แค่นั้นเองไม่มีไม่มีเหตุผลอื่นใด
ด้านนายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย และรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ระบุว่าเรื่องที่นายสนธิญานำมายื่นนั้น ทางปปง.รอให้ทางพนักงานสอบสวนประสานเข้ามา ทางปปง.พร้อมดำเนินการตรวจสอบให้ ซึ่งหากเรื่องที่มาร้องเป็นความผิดมูลฐาน ทางสํานักงานปปง.ดําเนินการตามกฎหมายฟอกเงินเหมือนกับคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดีหลังนำเอกสารมายื่นปปง.ในวันนี้แล้ว ทางนายสนธิญา จะเดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่สำนักงานปปง.หลังปีใหม่
Advertisement