วันที่ 24 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนาย สุชาติ สุพรรณนอก อายุ 39 ปีชาวขอนแก่นว่า เป็นญาติของคนตายชื่อ น.ส.ธนาภรณ์ สิงห์สี หรือ นิ่ม อายุ 34 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปหาสามี ถูกรถยนต์ชนเสียชีวิตคาที่แล้วรถคู่กรณีก็หลบหนี ไม่เหลียวแลไม่ช่วยเหลือ จึงอยากให้สื่อมวลชนมาช่วยเหลือ เพื่อให้คู่กรณีมารับผิดชอบมาขอขมาศพคนตาย
ซึ่งตั้งศพอยู่ที่บ้านพัก ที่บ้านหัวหนอง และจะทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 25 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ พร้อมพาลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บนถนนสาย อ.หนองห้อง จ.ขอนแก่น ไปอ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพบร่องรอยจุดแรกกลางถนนเป็นร่องรอยของรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิตถูกลากไถลข้ามเลนไปประมาณ 100 เมตร พร้อมทั้งมีรอยเบรกยาวประมาณเกือบ 5 เมตร และพบรอยลากรถจักรยานยนต์กลับมาอีกประมาณ 100 เมตร ซึ่งจะมีคราบน้ำมัน และเศษชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง บ้านเลขที่ 14 ม.2 บ้านหัวหนอง ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ที่ตั้งสวดอภิธรรมศพของผู้ตาย พบญาติพี่น้องสามี และบุตรของผู้ตาย จากนั้นนายสุชาติ และนายประวิทย์ ใจเที่ยง อายุ 33 ปี สามีผู้ตาย ร่วมกันจุดธูปบอกกล่าวหน้าศพผู้ตายว่า พาผู้สื่อข่าวมาทำข่าวเผยแพร่ออกไปให้คู่กรณีมารับผิดชอบแล้ว คาดว่าจะกระจ่างในเร็ววันนี้
นายประวิทย์ สามีคนตาย กล่าวว่า ก่อนที่ภรรยาจะประสบอุบัติเหตุนั้น ตนออกไปนอนที่บ้านดอนตะแบง อยู่ห่างจากบ้านหัวหนองประมาณ 9 กม. ขี่รถไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที ส่วนภรรยาอยู่บ้านกับมารดา และไปเที่ยวงานงิ้วคืนสุดท้ายกับเพื่อน แต่ได้คุยโทรศัพท์กันตลอด
ภรรยาเที่ยวงานงิ้วเสร็จก็กลับมาที่บ้าน พร้อมกับโทรศัพท์หาตนบอกว่า จะออกไปหาที่บ้านดอนตะแบง จึงห้ามไว้ เพราะอากาศหนาวเย็น แต่ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าจึงโทรหาแม่ยาย จึงทราบว่าภรรยาขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านแล้ว จากนั้นจึงโทรศัพท์ติดต่อกับภรรยา แต่ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งสายสุดท้ายเวลาประมาณ 03.52 น. มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรับสาย แจ้งว่าภรรยาประสบอุบัติเหตุบนถนนในพื้นที่บ้านโนนตาล ต.ตะกั่วป่า อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ห่างจากบ้านดอนตะแบงประมาณ 3 กม. จึงรีบขับรถออกมาดู พบว่าภรรยาเสียชีวิตคาที่ จึงแจ้งญาติพี่น้อง และให้กู้ชีพแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจตรวจที่เกิดเหตุเรียบร้อย จึงขอรับศพภรรยากลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักบ้านหัวหนอง โดยจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ นอกจากนี้ตนเคยได้ยินเสียงภรรยาบ่น เชื่อว่ากระแสจิตสุดท้ายกลับมาหาก่อนสิ้นใจ
นายประวิทย์ กล่าวว่า ครอบครัวยังทำใจไม่ได้ เพราะในที่เกิดเหตุไม่เห็นคู่กรณี จึงร้องเรียนต่อสื่อมวลชนให้ทำข่าวเผยแพร่ออกไป เพื่อให้คู่กรณีมารับผิดชอบในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และขอให้มาขอขมาศพคนตายที่บ้านด้วย ส่วนคดีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจติดตามตัวคนขับรถยนต์มาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฏหมาย
ขณะที่นายสุชาติ ญาติคนตาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุนอกจากนี้ยังได้หาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งมีวงจรบันทึกได้เพียงเสียงชน จากนั้นมีรถยนต์ขับจากจาก อ.หนองสองห้องมุ่งหน้าไป อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ด้วยความเร็วสูง ผ่านไปไม่นานก็มีรถยนต์กระบะสีแดงมีหลังคาขับมาจากฝั่ง อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ผ่านเข้าไป อ.หนองสองห้อง จึงเชื่อว่าน่าจะมีรถยนต์คันแรกชนรถคนตายจนล้มลงกลางถนนแล้วรถคันที่สองวิ่งสวนทางมาชนซ้ำแล้วลากร่างคนตายไปไกลจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร หลังเกิดเหตุคนขับรถไม่ลงมาดู จึงอยากให้รถคู่กรณีออกมารับผิดชอบ และมาจุดธูปไหวขอขมาศพคนตาย เพื่อให้คนตายหมดห่วง และไปสู่ภพภูมิที่ดี
ด้าน พ.ต.อ.ธีร์ธัช พงศ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เบื้องต้นภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ และเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิดและ พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน เป็นรถกระบะสีแดง และรถเก๋งสีขาวจึงได้มีการตรวจสอบ กระทั่งทราบตัวบุคคลว่ารถกระบะคันแดงนั้นเป็นพ่อค้าชาว อ.หนองสองห้อง ก่อนจะตามไปที่บ้าน แต่ไม่พบรถ โดยได้เรียกให้เจ้าของรถกระบะสีแดง และรถเก๋งสีขาวทราบว่าอยู่ในพื้นที่ อ.นาโพธฺ์ จ.บุรีรัมย์ นำรถมาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่แล้ว เพื่อทำการสอบปากคำ และจะประสานทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานเปรียบเทียบวัตถุพยานที่ปรากฎ ซึ่งแม้ว่าจะนำรถไปล้าง หรือเปลี่ยนสี แต่ก็ไม่สามารถที่จะบิดเบือนพยานหลักฐานได้ และภายหลังจากสอบปากคำ หากยืนยันว่าเป็นรถยนต์ที่ชนรถจักรยานยนต์ ผู้เสียชีวิตก็จะต้องถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานที่ใกล้เคียงทันที
ซึ่งตามกฎหมายเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต และเป็นความผิดตามกฎหมาย หากใครรู้ตัวว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว ขอให้เข้ามามอบตัว เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และในส่วนของทางแพ่งก็จะเป็นในส่วนของทั้งสองฝ่ายพูดคุยไกล่เกลี่ย เพื่อสามารถลดโทษตามกฎหมายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลต่อไป
Advertisement