ไฟไหม้ซากรถทัวร์ วอด 9 คัน เสียหายไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท

ไฟไหม้อู่รถทัวร์ปลดระวาง จนท.ใช้เวลาฉีดน้ำ 20 นาทีเพลิงสงบ เบื้องต้นพบเสียหาย 9 คัน เสียหายไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2567 พ.ต.ต.เสนีย์ กันพาวงศ์ สว.สอบสวน สน.บางเสาธง รับแจ้งไฟไหม้รถยนต์ บริเวณถนนทางคู่ขนานวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก แขวงเขตทวีวัฒนา เพลิงไหม้รถยนต์ รุดตรวจที่เกิดพร้อมเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์

คอนเทนต์แนะนำ

หวานได้อีก "จูเนียร์" คุกเข่าขอ "เทนนิส พาณิภัค" แต่งงานริมทะเล

กัน จอมพลัง ช่วยลุงวัย 50 ปี ทรมานป่วยแผลกดทับในห้องเช่าผุพัง

บุกค้นฟาร์มเลี้ยงนกนครปฐม ปลายทางสั่งลูกกอริลลาที่ตุรกี

ในที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถทัวร์ ที่มีเนื้อที่ประมาณ 21 ไร่ บริเวณฝั่งซ้ายอยู่ห่างจากทางเข้าประมาณ 300 เมตร พบรถบัสเก่าจอดปลดระวางไม่ต่ำกว่า 10 คัน จากการตรวจสอบพบว่ามีรถบัส 9 คันถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย

นายสมเกียรติ ศรีสมโภชน์ อายุ 57 ปี พนักงานขับรถซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์คนแรกเปิดใจกับทีมข่าวว่า ขณะนั้นตนกำลังล้างรถอยู่ก็เห็นกลุ่มควันพุ่งออกมาจากรถบัสเก่าปลดระวาง ที่กำลังรอประมูลขายทอดตลาด ก่อนที่เพลิงจะลุกลามไปยังรถบัสคันอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ตนจึงรีบวิ่งไปตามพนักงานคนอื่นที่กำลังปฏิบัติงานอยู่เกือบ 20 ชีวิต ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงที่มีอยู่ช่วยกันฉีดดับไฟ พร้อมทั้งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบางขุนนนท์เข้ามาช่วยระงับเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 20 นาทีถึงจะสามารถควบคุมเพลิงได้

ด้าน นายก้องเกียรติ ลีระศิริ อายุ 46 ปี ผู้จัดการบริษัทสยามเดินรถจำกัด ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนทำธุรกิจรถทัวร์มานานกว่า 20 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน สำหรับรถทั้ง 9 คันที่เสียหายนั้นเป็นรถเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ซึ่งเชื้อเพลิงที่ใช้ก็เป็นน้ำมันดีเซล ไม่มีคันใดติดก๊าซ ซึ่งสาเหตุในครั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดจาก อากาศแห้ง ประกอบกับบริเวณจุดที่รถจอดนั้นมีหญ้าแห้งอยู่เป็นจำนวนมาก และอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนทิ้งก้นบุหรี่ตรงหญ้าแห้งก่อนจะลุกลามไหม้รถบัส ซึ่งถ้าหากตีมูลค่าความเสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาทอย่างแน่นอน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ขณะที่พันตำรวจเอก สุวโรจน์ โชติกาญจนรัศมิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 เปิดเผยว่า เบื้องต้นต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ตัวจัดการพูดคุยกับผู้จัดการบริษัทได้ข้อมูลเบื้องต้นว่ารถคันที่เสียหายทั้ง 9 คันนั้นเป็นรถรุ่นเก่าที่ปลดระวางไม่ได้ใช้งานมานานเกือบ 10 ปี และเชื้อเพลิงที่ใช้คือน้ำมันดีเซล ไม่ได้ติดตั้งถังก๊าซแต่อย่างใด

สำหรับรถบัสทั้ง 9 คันนั้น มีความเสียหายแตกต่างกันออกไป โดยต้นเพลิงมาจากรถบัสที่จอดอยู่ด้านหลังสุด ก่อนจะลุกลามไปยังคันอื่นๆ โดยพบว่ามีรถบัส 5 คันที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วนอีก 4 คันได้รับความเสียหายเล็กน้อย