จากกรณีพี่ชายร้องขอความเป็นธรรมให้น้องชาย หวั่นคดีไม่คืบหน้า หลังน้องชายถูกนายตำรวจขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ได้รับบาด แต่ทางผู้บังคับบัญชาของคู่กรณีกลับพยายามเข้าไปเจรจากับทางพนักงานสอบสวน เพื่อจะโยนให้น้องชายเป็นฝ่ายผิด
ล่าสุด วันนี้ (2 ม.ค. 68) นายณรงศักดิ์ เรืองทอง พี่ชายของนายธนวัฒน์ พิลา หรืออั้ม อายุ 26 ปี ผู้บาดเจ็บ เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยนายณรงศักดิ์ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย. เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้าก่อนถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต น้องชายของกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ปรากฏว่าคู่กรณีได้ขับเข้ามาชนท้ายน้องชายตนอย่างแรงจนร่างกระเด็น ซึ่งในทีแรกตนยังไม่รู้ว่าน้องชายถูกชน ตนก็ยังเอะใจว่า ทำไมน้องชายยังไม่ถึงบ้าน จนมารู้ในเพจเฟซบุ๊กกลุ่มข่าวถึงชาวรังสิตในตอนหลังว่า ตอนนี้น้องชายอยู่ไอซียู รพ.ธรรมศาสตร์ มีอาการปอดฉีก ซี่โครงขวาหัก แขนหัก เลือดคลั่งในสมอง เนื้อสมองบาดเจ็บสาหัส
ตอนแรกตนไม่ทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจ เพราะในใบแจ้งความไม่มียศของคู่กรณี จนตนได้เบอร์คู่กรณีมาโทรศัพท์สอบถาม โดยคู่กรณีอ้างว่า เพิ่งส่งนายเสร็จ และกำลังกลับบ้าน แต่น้องชายขี่รถตัดหน้า เพราะน้องชายของตนจะหนีด่านตรวจที่อยู่ด้านหน้า จนวันที่ 11 พ.ย. คู่กรณีได้มาเยี่ยมน้อง แต่ก็ยืนยันคำเดิม ว่าน้องชายตัดหน้า จากนั้นมีการนัดพูดคุยกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งพนักงานสอบสวน กลับบอกว่า น้องชายของตนมาจากข้างหลังและตัดหน้า เป็นฝ่ายตนที่เสียเปรียบ
จากนั้นในวันที่ 12 พ.ย. ตนไปเจอคู่กรณีอีกครั้งหนึ่งที่ สภ.คลองหลวง เพื่อเจรจากับทางคู่กรณี แต่ทางคู่กรณีกลับพาผู้บังคับบัญชามาด้วย และเข้าไปคุยกับร้อยเวรที่รับผิดชอบคดี ก่อนที่ตนจะได้เข้าไปพูดคุยด้วย โดยคู่กรณีอ้างว่า ลูกชายของตนเป็นฝ่ายตัดหน้า พร้อมกับอ้างว่า ในวันเกิดเหตุตนเองขับรถไม่เร็ว เพียงแค่ 60-70 กม./ชม. ซึ่งจากการกล่าวอ้างของคู่กรณีว่าขับรถมาด้วยความเร็ว 60-70 กม./ชม. นั้น ซึ่งตนก็ได้ไปทำการขอภาพกล้องวงจรปิดจากบริเวณที่เกิดเหตุ และตนได้ทำการเทียบเฟรมเลทวิดีโอกล้องวงจรปิดระหว่างตอม่อแล้วพบว่าความเร็วอยู่ที่ 108 กม./ชม.
ส่วนอาการน้องชายของตนขณะนี้ เพิ่งฟื้นมาได้และเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้เพียง 4 วัน และทำได้เพียงแค่ลืมตาเท่านั้น ส่วนค่ารักษาของน้องชายตนนั้นใช้ประกันสังคมจ่าย ซึ่งตนเดินทางมาร้องสายใหม่ต้องรอดในวันนี้ เนื่องจากกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องการความรับผิดชอบจากคู่กรณี
Advertisement