จากกรณีนาย อภิชัย ชมพู อายุ 26 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เข้าระงับเหตุ เมื่อเวลา 13.45 น. วานนี้ (3 ม.ค.68) หลังผู้ตายได้เข้ามารักษาตัวด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบ ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอกพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 9 ชั้น 4 ก่อนจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ใช้อาวุธขวานจากที่เก็บไว้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายผู้ป่วย ญาติผู้ป่วยอื่น และทรัพย์สินทางราชการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 4 ม.ค. 68 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นพ.ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ ร่วมกันแถลงข่าว
โดย พล.ต.ต.สุคนธ์ กล่าวว่า เมื่อวาน (3 ม.ค.68) สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนอาละวาดอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และได้สั่งการให้สายตรวจไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อยู่ภายในตึก 9 ชั้น 4 เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชายดังกล่าวอยู่ในอาการอาละวาด ในมือถือขวาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผจญเพลิงติดตั้งอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นอาวุธด้วย ถือด้วยมือข้างขวา แล้วก็มือข้างซ้ายถือเสาน้ำเกลือ
พล.ต.ต.สุคนธ์ กล่าวว่า สายตรวจที่ลงพื้นที่ทั้งสองนายดำเนินการตามหลักยุทธวิถีที่ได้รับการฝึกฝนมา และได้มีการพูดเจรจา เพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธลง และให้อยู่ในภาวะที่ให้ควบคุมได้ แต่ปรากฏว่าการเจรจาไม่เป็นผล เนื่องจากว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะอาการที่ห้ามแล้วก็ไม่รับฟัง ตรงเข้าหาทางเข้าหาสายตรวจทั้ง 2 นาย จริงๆ มีสายตรวจที่ยืน Backup อยู่ด้านหลัง 2 นาย แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล และก็มีหัวหน้าวอร์ดอยู่ด้านหลังบริเวณประตูทางเข้าด้วย รวมเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกประมาณ 20 กว่าคน คนตายได้เพ่งตรงเข้ามาจะใช้อาวุธขวานในมือจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอย แล้วก็ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้น เพื่อจะให้ชายที่ก่อเหตุหยุดอาละวาด แล้วก็ลดอาวุธตามสั่ง ปรากฏว่าก็ยังไม่หยุด ก็เลยยิงไปถูกบริเวณขาก่อน แล้วก็ไล่มาโดนแขน จนนัดสุดท้ายก็โดนบริเวณลำตัว แล้วก็ล้มลง
พล.ต.ต.สุคนธ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นก็ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าควบคุม แล้วก็ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งตอนนั้นทางคณะแพทย์พยาบาล ที่อยู่ใกล้เคียงก็นำตัวเข้าไปรักษา จนกระทั่งผู้ก่อเหตุผลทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา และทราบต่อมาว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้ก่อเหตุก็ได้เข้าไปพยายามที่จะทำร้ายร่างกายคนป่วยคนอื่นๆ ซึ่งในนั้นยังมีคนป่วยอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วก็ยังมีผู้ป่วยที่เป็นผู้ป่วยสูงอายุมากถึง 80 ปี แล้วก็ผู้ป่วยติดเตียงด้วย
ด้าน นพ.ชวมัย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้ พบได้ค่อนข้างที่จะมากขึ้น ซึ่งเคสดังกล่าวเป็นเคสที่ได้รับการส่งตัวมาจากโรงพยาบาลจอมพระ เนื่องด้วยมีอาการไส้ติ่งอักเสบ ได้มีการผ่าตัดเรียบร้อยและทราบว่าทางผู้ตายนั้นมีประวัติเสพติดสุรา พอช่วงเช้าวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา เริ่มให้รับประทานอาหารได้ หลังจากเวลา 12.00 น. ได้รับการรายงานมาจากเจ้าหน้าที่ว่ามีอาการพูดจาสับสน และมีการตรวจประเมินอาการขาดสุรา
นพ.ชวมัย กล่าวว่า หลังจากการประเมินคะแนนในการประมาณอยู่ที่ระดับ 4 เป็นระดับที่เฝ้าระวัง และได้มีการดูแลผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิด มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมาอยู่บริเวณใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีความปลออดภัย และได้มีการให้ยา เพื่อระงับอาการ แต่ผู้ป่วยก็ยังไม่สงบ ก่อนจะลุกขึ้นบนเตียง พร้อมกับกระชากสายน้ำเกลือออก และคว้าเสาน้ำเกลือเดินออกไปทำร้ายบุคคลากรและคนไข้ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 20 ราย มาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อระงับเหตุเบื้องต้น และมีเครื่องมือทางการแพทย์เสียหายเป็นจำนวนมากอีกด้วย
นพ.ชวมัย กล่าวว่า และที่สำคัญก็คือคนก่อเหตุจะเข้าไปดึงสายท่อช่วยหายใจออกจากปากผู้ป่วยวิกฤต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุได้ทันเวลา หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นทางโรงพยาบาลได้เร่งช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ทันท่วงทีและได้มีการส่งตัวเข้าห้องผ่าตัด และมีทีมแพทย์นับ 10 ชีวิต มาช่วยเหลือในที่สุดก็เกิดความสูญเสีย ทางกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญก็คือการเยียวยาจิตใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแล และปกป้องชีวิตของคนไข้ และไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก จึงอยากฝากเตือนคนที่เสพติดการดื่มสุราหรือบุหรี่ไฟฟ้า ใครที่เสพติดเป็นจำนวนมาก อยากให้ลดลง เพื่อกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
ขณะที่หัวหน้าวอร์ด ที่เกิดเหตุดังกล่าว กล่าวว่า ในขณะที่เกิดเหตุ ตนได้รับรายงานมาจากเจ้าหน้าที่บุคคลากรทางโรงพยาบาล และมีการรายงานเป็นลำดับตามระเบียบโรงพยาบาล หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ได้มีการย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปในที่ที่ปลอดภัย และได้มีเสียงทุบกระจกเสียงดัง น้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เล่าบอกว่าตอนนั้นได้หลบอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งคนตายได้อาละวาดทุบกระจก และได้ยินเสียงมือบิดลูกดประตู และในขณะนั้นได้มีญาติของคนไข้ได้ช่วยกันดันประตูไม่ให้ผู้ก่อเหตุเปิดประตูเข้ามายังห้องเจ้าหน้าที่ได้ เหตุการณ์นี้ในขณะที่ตนเองเป็นหัวหน้าตึก 9 ชั้น 4 หลังจากเหตุการณ์สงบตนได้มาพูดคุยกับน้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ในขณะที่เกิดเหตุน้องพยาบาลคนนี้ได้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำ พร้อมกับกอดคนไข้ร้องไห้ ถ้าเกิดว่าคนก่อเหตุสามารถเปิดประตูเข้าไปได้เสียชีวิตแน่นอน เพราะมีอาวุธติดมือไปด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทางตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมด้วยทีมแพทย์จากโรงพยาบาลสุรินทร์ เดินทางมาที่งานศพของนายอภิชัย พร้อมมอบเงินเยียวยา รวมถึงพวงหรีด เพื่อแสดงความไว้อาลัย
โดยพ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ ได้พบกับนางปราณี แม่ของนายอภิชัย ผู้เสียชีวิต พร้อมกับแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
สำหรับร่างของนายอภิชัยทางครอบครัวจะตั้งสวดพระอภิธรรมเพียงหนึ่งคืน โดยจะมีพิธีฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค. 68) ขณะที่ในทางคดีตำรวจได้นัดหมายกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อสอบถามรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 6 ม.ค. 68
Advertisement