Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยื่น กมธ.ความมั่นคงสอบจนท.รัฐอำนวยความสะดวกหลอกคนไทยข้ามไปกัมพูชา

ยื่น กมธ.ความมั่นคงสอบจนท.รัฐอำนวยความสะดวกหลอกคนไทยข้ามไปกัมพูชา

9 ม.ค. 68
11:35 น.
|
102
แชร์

"อัจฉริยะ" ยื่น กมธ.ความมั่นคง ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ - คนพื้นที่ชายแดนไทย จัดหาอำนวยความสะดวก หลอกคนไทยข้ามไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา

วันที่ 9 มกราคม 68 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อนายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บนตึก 25 ชั้นและ 18 ชั้นในประเทศกัมพูชา ซึ่งนายอัจฉริยะได้นำรูปภาพและแผนที่มาโชว์กับสื่อมวลชน ซึ่งทั้งสองตึก มีการติดเหล็กดัดที่หน้าต่างเพื่อป้องกันการหลบหนี ซึ่งเมื่อวานนี้ ก็มีเหตุการณ์กระโดดตึก เพราะการที่จะออกต้องออกทางด้านล่างตึกรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกควบคุมอยู่ คนจะเข้า-ออกไม่ได้ นอกจากเป็นคนของขบวนการคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น การจะเข้าไปในตึกนี้ได้จะเป็นลักษณะแบบคอกม้า โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ ทหารพรานและตำรวจ เก็บหัวคิว และมีขบวนการที่นำคนไทยและต่างชาติไปเปิดซิมการ์ด เปิดบัญชีธนาคารสาขาต่างๆ โดยจะต้องเข้าไปสแกนใบหน้าที่ 2 ตึกนี้ ดังนั้นตนจึง ส่งคนเข้าไปสำรวจและทำแผนที่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะส่งให้กับนายรังสิมันต์

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า การเดินทางเข้าไปทำงานที่นั่นต้องผ่านช่องทางธรรมชาติ เป็นจุดรับฝากรถเป็นที่ส่วนบุคคล เช่นบ้านเจ๊หมู บ้านเจ๊มีน บ้านตาเกิด บ้านเจ๊ดาว ซึ่งเมื่อวานนี้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เข้าไปตรวจค้นที่จุดบ้านเจ๊ดาว ซึ่งตรงกับข้อมูลที่นำมายื่นกับคณะกรรมมาธิการในวันนี้

นางอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงคดีมือปืนยิงอดีตสส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ก็มีการหลบหนีเข้าไปยังช่องทางธรรมชาติ จึงอยากให้คณะกรรมาธิการฯ ช่วยตรวจสอบลงพื้นที่ไปดูสถานที่จริง ที่มีการเก็บหัวคิวอย่างยาวนาน สร้างความร่ำรวยให้กับภาคเอกชน ทั้งทหาร ตำรวจในจังหวัดสระแก้ว มีการกระทำแบบนี้มานาน แต่เหตุใดไม่มีใครรู้ หรือตรวจสอบเพื่อดำเนินการ เพื่อไม่ให้กระบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามฝั่งจากประเทศไทยไปยังตึก 25 ชั้นและตึก 18 ชั้นได้

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ติดตามและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของคอลเซ็นเตอร์และทุนสีเทาต่างๆวันนี้ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ ทำลายและเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวประเทศไทย และยังมีผลกระทบอื่นๆเช่นการหลอกลวงเงินคนไทยใน ปีๆนึงมีตัวเลขที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกมูลค่าน่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท ตัวเลขที่เป็นทางการประมาณ 80,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขจริงน่าจะมากกว่านั้น และเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ มันคือวาระแห่งชาติต้องดำเนินการ ซึ่งตนได้ติดตามในฐานะส่วนตัวและในฐานะ สส.รวมถึงในฐานะประธานกรรมาธิการฯ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แก๊งข้ามชาติอ่อนแอที่สุด แต่ลำพังคณะกรรมาธิการไม่สามารถทำได้ ต้องพยายามทำให้รัฐบาลมีความเห็นที่ตรงกันเพราะเรื่องนี้สำคัญ ควรจะทำอย่างจริงจัง รวมถึงบรรดามาเฟียสีเทาต่างๆ ซึ่งเมื่อวานก็มีผู้มายื่นร้องเรียนมาเฟียสีเทาชาวจีน ที่จังหวัดภูเก็ต ทางคณะกรรมาธิการจะต้องนำไปหารือ ยืนยันเรื่องนี้จะไม่ช้า เพราะให้ความสำคัญซึ่งปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะฝั่งเมียนมา กัมพูชา รวมถึงยังมีที่คิงโรมันสามเหลี่ยมทองคำด้วย

ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ก็มีคนไทยกระโดดตึกที่กัมพูชา เป็นตึกที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยชี้เป้าเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ ซึ่งตนก็ได้รับข้อมูลมาจากฝ่ายความมั่นคงเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่ตกตึกเป็นการกระโดดเองหรือถูกจับโยนจากตึกนั้นยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกว่าสุดท้ายจะเป็นแบบใด แต่ข้อมูลจากเหตุการณ์ในอดีตจะคล้ายกับนายอัจฉริยะออกมาพูดว่าชั้นล่างของตึกเป็นเหล็กดัด ถ้าต้องการจะออกจากตึก วิธีการคือต้องกระโดด ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายเคส ทั้งชาวจีนที่กระโดดออกมา แต่มีคนในท้องที่มาช่วย ทำให้สามารถหลบหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาได้ ซึ่งตนคิดว่ากรณีนี้อาจจะเป็นที่เขาพยายามจะหลบหนีแล้วกระโดดแ ต่ด้วยความสูงจึงอาจจะไม่โชคดีเหมือนรายอื่นๆ แต่ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้ความรุนแรงต่างๆ รวมถึงการโยนออกมาจากตึก ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องมีการติดตามต่อไป

Advertisement

แชร์
ยื่น กมธ.ความมั่นคงสอบจนท.รัฐอำนวยความสะดวกหลอกคนไทยข้ามไปกัมพูชา