มามุกใหม่! สาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บังคับจัดฉากขู่พ่อแม่ สูญเงิน 3 แสน

มามุกใหม่! สาววัย 21 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บังคับให้จัดฉากถ่ายคลิปส่งเรียกเงินจากพ่อแม่ ขู่ไม่ทำตามติดคุกทั้งครอบครัว สูญเงินกว่า 3 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9 ม.ค.68 เมื่อเวลา19.00น. พ่อแม่พาลูกสาวอายุ 21 ปี
เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนนทบุรี หลังลูกสาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นทั้งตำรวจเจ้าหน้าที่ปปง.วิดีโอคอลข่มขู่ ให้ทำตามคำสั่ง โดยอ้างว่าเธอไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีฟอกเงินในจังหวัดสุพรรณบุรี หากไม่ปฎิบัติตามคำสั่งจะมีความผิดตามกฎหมายและถูกจับดำเนินคดีทั้งครอบครัวทำให้เธอเกิดความหวาดกลัว ยอมทำตามคำสั่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แต่งกายในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการให้โอนเงินในบัญชีทั้งหมดไปให้ตรวจสอบรวมทั้งแอปฯนำโทรศัพท์ของพ่อกับแม่ไปแอบโอนเงินผ่านแอปธนาคารในมือถือจนครอบครัวสูญเงินไป 3 แสนกว่าบาท แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังไม่พอใจสั่งให้เธอหนีออกจากบ้าน ไปเปิดห้องเช่ารายวัน เพื่ออัดคลิปในลักษณะขู่จะทำร้ายร่างกายตัวเอง เพื่อส่งไปให้พ่อกับแม่ดู หวังให้พ่อกับแม่โอนเงินเข้ามาให้เพิ่มอีก 1แสนบาท และจะนำไปโอนต่อให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะตัดสินใจพาลูกสาวเข้าแจ้งความ หลังอดหลับอดนอนตระเวนตามหาลูกสาวตามโรงแรมต่างๆเกือบ 2 วันจนเจอตัว

คอนเทนต์แนะนำ

"มิสแกรนด์" จำลองเป็น "แตงโม" มีความตั้งใจเต็มร้อย

รู้แล้วใครสวมบทบาท แตงโม นิดา จำลองเหตุตกเรือ

โคตรเถื่อน ! หนุ่มฮาร์เล่ย์ขี่รถปาดหน้าท้าต่อย สู้ไม่ได้ชักมีดแทง

โดยแม่หญิงรายดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงค่ำ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวได้มาขอยืมมือถือตน โดยอ้างว่าจะเอาไปใช้ถ่ายงานส่ง ตนก็ให้ลูกสาวยืมมือถือไป ซึ่งมือถือของตนนั้นจะลิงค์กับไอแพดอีกเครื่อง หลังลูกสาวยืมมือถือตนไปตนก็เอาไอแพดมาเปิดเล่นแทน ระหว่างนั้นตนก็เห็นข้อความจากแอปฯธนาคารเด้งขึ้นว่ามีเงินในบัญชีถูกโอนออกไปครั้งละ49,999บาท จำนวน 3 ครั้ง ด้วยความตกใจจึงไปเคาะห้องเรียกลูกสาวมาสอบถาม แต่ลูกสาวเงียบไม่ยอมเปิดประตูตนจึงยืนแอบฟังอยู่หน้าห้อ งจึงได้ยินเสียงว่าลูกสาวกำลังคุยมือถืออยู่กับใครสักคนในลักษณะถูกบอกบทกำกับอยู่เหมือนจะให้ทำอะไรยังไงต่อไป จนต่อมาลูกสาวเอามือถือมาขอให้ตนสแกนใบหน้าตนจึงปฎิเสธไปเพราะเริ่มเอ๊ะใจแล้วว่าลูกสาวน่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอยู่ แต่ลูกสาวบอกว่าหลังเที่ยงคืนเขาจะบอกความจริงทุกอย่างเมื่อได้เงินทั้งหมดกลับคืนมาแล้ว

แม่ของหญิงคนดังกล่าวยังเล่าต่ออีกว่า จนกระทั่งเวลาเกือบจะเที่ยงคืนลูกสาวก็ออกจากห้องมาขออนุญาตว่าจะขอออกไปข้างนอก เพื่อไปทำธุระ แต่ตนเห็นว่ามันดึกมากแล้ว จึงไม่ให้ไป เขาจึงกลับไปล็อกประตูเก็บตัวอยู่ในห้องนอนจนกระทั่งเช้าวันต่อมาตนกับสามีต้องออกไปทำงานด้วยกันทั้งคู่ จึงฝากให้ยายช่วยดูแลแทน แต่ปรากฎว่าลูกสาวได้แอบหนีออกจากบ้านไปและไม่สามารถโทรติดต่อกับลูกสาวได้ จนกระทั่งเขาติดต่อกลับมาเอ งโดยบอกว่าให้ตนนำทองของยายไปขายแล้วเอาเงินมาโอนเข้าบัญชีให้กับเขา แต่ตนปฎิเสธบุไปเพื่อต้องการให้เขากลับมาบ้านเพื่อมาเอาทองเอง แต่ลูกสาวไม่ยอมมาและไม่ยอมบอกว่าอยู่ไหน ทำให้ตนกับสามีต้องขับรถตระเวนตามหาลูก จนกระทั่งอีกวันถัดมาหลังตนได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนจะตามเจอตัวลูกสาวที่ห้องเช่ารายวันแห่งหนึ่ง

แม่หญิงคนดังกล่าว ยังบอกอีกว่า หลังลูกสาวหนีออกจากบ้านไป ได้ส่งคลิปในลักษณะเสียใจและขู่จะทำร้ายตนเอง ส่งมาให้ดูเพื่อหวังให้ตนหาเงินอีก 1 แสนบาทไปโอนให้เขา แต่ตนไม่มีเงินแล้วเพราะถูกโอนออกไปเกลี้ยงบัญชีแล้วแม้ว่าตนจะเป็นห่วงลูกสาวมากเพราะเขาอยู่ในสภาวะซึมเศร้า โชคดีที่ติดตามตัวลูกสาวเจอในวันนี้จึงตัดสินใจมาเข้าแจ้งความกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รวมแล้วครอบครัวตนเสียเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปประมาณ 310,000 บาท

ด้านหญิง ผู้เสียหาย บอกว่า ได้รับสายโทรศัพท์เป็นเสียงชายเสียงดุๆบอกว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องจากทางปปง.ให้มาติดตามตรวจสอบทรัพย์สินของตน หลังจากมีชื่อของตนไปพัวพันเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อฟอกเงินต่อมาชายคนดังกล่าวได้วิดีโอคอลเข้ามาหาตนในชุดเครื่องแบบตำรวจพร้อมแสดงหลักฐานเป็นเอกสารซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของปปง.ซึ่งมีชื่อตนด้วยความตกใจจึงเชื่อตามที่คนร้ายบอกมให้ทำตามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินในแอปบัญชีธนาคารทั้งหมดที่ตนมีไปให้ ก่อนจะถูกบังคับให้ไปนำมือถือของพ่อกับแม่มาโอนเงินไปตรวจสอบอีก ต่อมาคนร้ายได้บังคับให้ตนออกจากบ้านไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ เพื่อให้ตนทำตามที่บอกอีก โดยขู่ว่าเรื่องที่ทำอยู่ในตอนนี้เป็นความลับทางราชการหากพ่อแม่มารับรู้ด้วย ก็จะมีความผิดถูกจับติดคุกด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเชื่อฟังทำตามก็จะไม่มีความผิด และจะได้เงินที่ส่งมาตรวจสอบกลับคืน ตนจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปเช่าห้องพักรายวันอยู่

โดยคนร้ายห้ามตนรับสายโทรศัพท์คนในครอบครัว นอกจากเขาจะสั่งให้ติดต่อกลับไปเองจากนั้นคนร้ายได้บังคับให้ตนถ่ายคลิปในลักษณะขู่ทำร้ายร่างกายตัวเองให้สมจริง ส่งไปคนร้ายดูก่อน และเมื่อผ่านแล้ว เขาจึงให้ตนส่งคลิปไปให้แม่ดูเพื่อขู่ให้แม่โอนเงินมาให้อีก 1 แสนบาทหรือนำทองของยายไปขายมาให้แต่แม่ก็ไม่เชื่อจึงไม่โอนเงินมาให้ ยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาดที่ไปหลงเชื่อคนร้ายซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้มากกว่าจะเชื่อคนในครอบครัว ตนรู้สึกเสียใจมากที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนสูญเสียเงินไปหลายแสนบาท แม้ว่าในตอนนี้แม่จะให้อภัยแล้วก็ตามแต่ตนก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนนทบุรีได้รับแจ้งความเพื่อทำเรื่องส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ติดตามตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป