เมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 15 ม.ค. 68 พ.ต.ท.ยศวัจน์ ศรีลาพัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุคนยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 4 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ธัญบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 1 แพทย์เวรโรงพยาบาลธัญบุรี และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านเลขที่89/185-186 เจ้าที่พบกระสุนปืนขนาด 9 มม. และหัวกระสุนปืนตกอยู่จำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 89/186 ที่บริเวณประตูบ้านชั้นล่างได้รับความเสียหาย และชั้นสองพบว่ามีรอยกระสุนปืนยิงที่ประตูทะลุตู้เสื้อผ้า ภายในห้องนอน จำนวน 2 นัด นอกจากนี้ยังพบว่า ที่บริเวณบ้านเลขที่ 89/185 บนชั้นสองภายในห้องนอนพบผู้เสียชีวิตเป็นชายหนึ่งราย นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตบนที่นอน ทราบชื่อนายสุรชัย อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นการยิงตัวตาย นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.จำนวนหนึ่งกระบอกตกอยู่บริเวณหว่างขา
จากการสอบถาม น.ส.กรรณิกา อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ถูกหนุ่มข้างบ้านยิงใส่ กล่าวว่า ชายดังกล่าวมาเช่าบ้านอยู่ข้างข้างตนเอง โดยวันนี้ก่อนเกิดเหตุชายคนดังกล่าวได้เข้ามาพังบ้านของตนเอง พังประตูด้านล่างเข้าไปภายในบ้าน ซึ่งตอนนั้นตนเองยังไม่หลับ จึงได้ยินเสียงพังประตูเข้ามา บ้านของตนเองพักอาศัยอยู่ด้วยกันจำนวน 3 คน โดยมีตนเอง แฟน และลูกชาย
ซึ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงปืน และได้ยินเสียงคล้ายคนพังประตูบ้านด้านล่างเข้ามา ลูกชายจึงได้เปิดประตูอีกห้องหนึ่ง เพื่อเข้ามาหาตนเองแล้วบอกว่า แม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งระหว่างนั้นตนเองก็รู้แล้วว่าคนร้ายได้เข้ามาภายในบ้าน จึงได้เรียกลูกเข้ามาภายในห้องนอนแล้วให้แฟนดันตู้เย็น กับตู้เสื้อผ้ามาปิดกั้นประตูห้องนอนไว้ จากนั้นคนร้ายได้เดินขึ้นมาบริเวณชั้นสองแล้วยิงอาวุธปืนทะลุประตูเข้ามาจำนวน 4 นัด จากนั้นตนเองจึงได้โทรหาป้าเจ้าของบ้านเช่าที่ชายคนดังกล่าวเช่าอยู่ว่าให้ช่วยเหลือ เพราะว่าคนร้ายผังประตูเข้ามาภายในบ้านแล้วก็ยิงใส่
คนที่บุกเข้ามายิงภายในบ้านตนเองนั้น เพิ่งมาเช่าบ้านอยู่ข้างบ้านได้ไม่กี่วัน หลังจากที่ยิงใส่ห้องตนเองจำนวน 4 นัด ตนเองจึงได้โทรหาป้าเจ้าของบ้านอีกรอบนึง โดยป้าบอกว่าคนดังกล่าวได้ลงมาจากบ้าน และเดินขึ้นไปที่บ้านของเขาแล้ว ซึ่งลุงกับป้าเจ้าของบ้านก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แล้วทุกอย่างก็เงียบไปเลย ตนไม่เคยรู้จักเขามาก่อน แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวได้เดินมาหาที่บ้าน พร้อมกับยกมือไหว้ แล้วบอกกับตนเองว่า “ผมขอโทษนะครับ ที่บ้านเสียงดัง เดี๋ยวผมจะซื้อกระเช้ามาไหว้” ซึ่งเราก็ตกใจจึงได้บอกไปว่า “ไม่เป็นไร เพราะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีเสียงอะไรผิดปกติ”
ด้านนางทองตัน กล้ากระโทก อายุ 54 ปี เจ้าของบ้านเช่า กล่าวว่า คนที่ก่อเหตุเข้ามาเช่าบ้านตนเองตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน โดยบ้านหลังนี้ติดป้ายให้เช่าอยู่แล้ว เขาก็ติดต่อเข้ามา ตอนที่เขาเข้ามาก็เข้ามาคนเดียว พฤติกรรมทั่วไปดูเป็นคนนิสัยดี แต่เขาบอกกับตนเองว่าเครียดมากเลยป้า เขาเลิกกับแฟน ต้องมาอยู่คนเดียว ต้องทำใจให้ได้ ต้องอยู่ให้ได้ ซึ่งหลังจากที่เขามาอยู่ ตนเองก็จะคุยผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์เท่านั้น แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาก็ไลน์มาบอกว่า ป้าผมขึ้นไปนอนข้างบน ผมเปิดทีวี ผมเกรงใจข้างบ้าน ก็เลยบอกว่าจะปรับตัวใหม่ เพราะเดี๋ยวข้างบ้านเขารำคาญ ป้าก็เลยบอกไปว่าไม่เป็นไร ถ้ารำคาญเขาก็ต้องมาบอกป้าเอง เราก็บอกไปแบบนี้
พอมาวันนี้เขาก็เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านแล้วก็คุยเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเช่าบ้านว่าจะมีการจ่ายก่อน เพราะว่าได้รับเงินมา ซึ่งตั้งแต่ที่เขามาอยู่ก็มีเพื่อนมาหาแค่คนเดียว โดยอุ้มเด็กน้อยมาด้วยมาพูดคุย จนมาถึงวันนี้ตอนที่เขาเอาปืนออกมายิง ป้าก็นอนหลับไปแล้ว จนข้างบ้านโทรมาเรียกตนเอง จึงได้ปลุกแฟนลงมาดู ก็พบว่าเขายืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน เราก็พยายามเรียกเขาออกมา เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรครับป้า เขาก็เดินวนเวียนอยู่บริเวณบ้านข้างๆ ก่อนที่จะยิงที่ประตูแล้วก็ขึ้นไปบริเวณชั้นสอง ซึ่งตนเองก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ป้าก็ได้ตะโกนเตือนไปว่าอย่าไปยุ่งบ้านเขา ทางด้านเขาก็ตอบมาว่า “ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมจัดการเอง เดี๋ยวผมฆ่าตัวตายแล้ว”
พอเขาเดินออกมา แฟนป้าก็ได้เดินไปจับแขนเขา ซึ่งเขาบอกว่า “ลุงไม่ต้องยุ่งกับผม เดี๋ยวผมก็ฆ่าตัวตายแล้ว” หลังจากที่เขาเดินออกมา เขาก็เดินขึ้นไปบนบ้าน สักพักก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดแล้วก็เงียบไปเลย ตนเองจึงได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งเก็บรวบรวมปลอกกระสุนปืน และหัวกระสุนปืน และอาวุธปืนที่ผู้ตายใช้ก่อเหตุนำไปประกอบในสำนวน ก่อนมอบศพให้อาสาสมัครฯนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรยังนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง พร้อมจะได้ติดต่อญาติ
Advertisement