จากกรณี ส.ต.ต.จับได้ว่า ร.ต.อ.คบหน้าหญิงสาวหลายคน และชอบพาเข้ามาบ้านพักตำรวจจึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่กลับถูก ร.ต.อ.ยิงใส่คาบ้านพัก และขู่จะสั่งย้ายภายใน 24 ชม. ล่าสุด ส.ต.ต.คนดังกล่าวอยากจะขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย และได้รับอันตรายถึงชีวิต
โดย ส.ต.ต.ธนิตศักดิ์ (สงวนนามสกุล) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 68 ช่วงบ่ายตนเองกำลังซักผ้า และกำลังจะออกไปตากผ้าเห็นรถเก๋งแปลกๆ วิ่งเข้ามาที่ห้องพักตำรวจตอนแรกตนเองก็คิดว่าเป็นนักท่องเที่ยววิ่งผิดทางมา ก็เตรียมจะออกไปช่วยเหลือ แต่แล้วรถคันดังกล่าวก็วิ่งเลยไป ตนเองก็เลยไม่สนใจตากผ้าต่อไป แต่รถคันดังกล่าวได้วิ่งเลยไปยังบ้านของผู้กอง และก็ยืนคุยกัน ตนเองก็ไม่สนใจ แล้วตนเองก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์จะไปเอาของที่โรงพัก เนื่องจากลืมของเอาไว้
พอขี่รถออกไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ตนเองจึงได้หันมาดู ได้ยินเสียงผู้กองตะโกนบอกว่าใครถ่ายภาพ ตนเองก็ตกใจก็หันไปหันมาบอกว่าตนเองก็บอกว่าไม่ได้ถ่ายภาพ สาบานได้ ก่อนกลับมาคุยกับแฟนว่า เราต้องออกไปข้างนอก เพราะว่าตรงนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว ก็เห็นผู้กองหน้าห้องตนเอง เลยพาแฟนออกมาทางหลัง ขับรถออกไป
“ผมขอยืนยันได้ว่าไม่ได้ถ่ายภาพ แค่จับมือถือมา เพื่อจะดูยูทูบเท่านั้น ซึ่งเพื่อนๆ มารับไปอยู่ที่บ้านเป็นการปลอบใจ เพราะผมตกใจ และกลัวมาก ทำไมตำรวจด้วยกันถึงทำกันแบบนี้”
ด้าน พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ในฐานะโฆษกประจำกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า กรณีความขัดแย้งของนายตำรวจ 2 นาย ระหว่างนายตำรวจยศร้อยเอก และนายตำรวจยศสิบตรีในพื้นที่สภ.โคกสลุง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ขณะนี้ พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ได้สั่งตั้งชุดคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในความขัดแย้งของตำรวจทั้งสองนาย ที่เกิดเป็นปัญหา จนมีคลิปการยิงปืนกันขึ้น
โดยเบื้องต้นผู้การได้เตรียมสั่งให้ ร.ต.อ.คนดังกล่าวมาปฎิบัติหน้าที่ที่ สภ.พัฒนานิคมเป็นการชั่วคราวก่อน ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะมีการให้ทางกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ทางผู้การตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรียืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
สำหรับปัญหาความขัดแย้งของตำรวจทั้งสองนายนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าขัดแย้งกันเรื่องปัญหาครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาต้องลงไปกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาอีก
Advertisement