นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวการจับกุมชายชาวภูเก็ต วัย 43 ปี ผู้ต้องหาคดีละเมิดทางเพศเด็กชายวัย 15 ปี แล้วอัดคลิปเผยแพร่ในโลกโซเซียล
โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหาจะเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเด็กนักเรียน แล้วล่อลวงให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ พร้อมกับมีการถ่ายคลิปภาพและวีดีโอ นำไปเผยแพร่ต่อในกลุ่มผู้ที่มีความชื่นชอบในรักร่วมเพศ ซึ่งผู้ต้องหาเป็นชายที่มีรสนิยมทางเพศกับเด็กชาย โดยพาเด็กไปมีเพศสัมพันธ์ตามสถานที่สาธารณะ และมีการล่อลวงให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบพร้อมกันหลายคน หรือเซ็กหมู่ และแต่ละครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะไม่มีการป้องกัน โดยอ้างกับเด็กว่าได้ใช้ยาต้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว จึงไม่มีอันตรายกับการมีเพษสัมพันธ์ในแต่ละครั้ง
เมื่อได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่สืบเสาะจนทราบที่อยู่ของผู้ต้องหา จนนำหมายจับและหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าจับกุมและค้นบ้านผู้ต้องหาชายวัย 43 ปี มีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรม ขณะขับรถยนต์ออกจากบ้านพักในตัวเมืองภูเก็ตเพื่อไปทำงาน เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันนี้ (16 ม.ค.68) พร้อมอ่านหมายศาลให้ผู้ต้องหาได้รับทราบในการกระทำผิด ก่อนนำตัวเข้าตรวจค้นบ้านพัก โดยสามารถตรวจยึดของกลางที่ปรากฎอยู่คลิปก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาตรวจสอบประกอบคดี ได้แก่ ถุงยางอนามัยจำนวนมาก สารหล่อลื่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เสื่อ ฯลฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ก่อนนำตัวขึ้นรถตู้กรมการปกครองมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทั้งหมด พร้อมชี้จุดในการมีเพศสัมพันธ์บนรถยนต์ของตัวเองด้วย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่า มีคลิปภาพที่มีความสัมพันธ์กับเยาวชนชายมากกว่า 1,400 คลิป และมีเหยื่อที่ถูกกระทำเป็นเยาวชนชายมากกว่า 10 คน ซึ่งมีทั้งเยาวชนชายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและต่างจังหวัด เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นนักวิ่งที่จะเข้าร่วมกิจกรรมงานวิ่งในพื้นที่ต่างๆ เพื่อหาเหยื่อก่อนล่อล่วงมาละเมิดทางเพศในสถานที่ที่นัดหมาย จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ในครั้งนี้
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาเบื้องต้น 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหา ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287/1 ข้อหา พรากผู้เยาว์อายุสิบห้าปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 และข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลฯ นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลฯ ที่มีลักษณะอันลามก ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) และหากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าผู้ต้องหานำคลิปภาพและวีดีโอของเด็ก ไปแสวงหาประโยชน์อื่นจะแจ้งข้อกล่าวหาค้ามนุษย์เพิ่มเติม ด้วย
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมของกระทรวงมหาดไทย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำว่า “หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย คือ มุ่งเน้นการจัดระเบียบสังคมเพื่อสร้างสังคมให้สงบสุข บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัย สิ่งใดที่ขัดกับความมุ่งหมายนี้ก็คือสิ่งที่เราต้องใช้กลไกของรัฐในการกำจัดให้สิ้นไป” และเด็กเป็นบุคคลเปราะบางทางสังคมเสี่ยงต่อการถูกชักจูงหรือล่อลวงจนตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายจากคดีอาญา
นอกจากนั้นควรมีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม สื่อลามกอนาจารเด็กไม่ว่าจะรับมาจากช่องทางใด แค่มีไว้ในครอบครอง ก็ย่อมมีความผิดตามกฎหมายแล้ว เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายคือไม่ต้องการให้มีการละเมิดทางเพศต่อเด็ก การมีคลิป มีภาพ เสียงเหล่านี้ย่อมก่อให้เกิดการละเมิดทางเพศต่อเด็ก ประชาชนต้องช่วยกันเป็นหู เป็นตา หากพบเห็นเบาะแส หรือต้องการแจ้งให้ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน สามารถแจ้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567
Advertisement