วันนี้ (20ม.ค.68) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนะรินทร์ และมิสแกรนด์ทั้ง 77 จังหวัด เดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเพื่อเรียกร้องให้รับเป็นคดีการเสียชีวิตของแตงโมนิดา พัชระวีรพงษ์ เป็นคดีพิเศษ หลังได้มีการจำลองเหตุการณ์และได้ยื่นข้อมูลหลักฐานไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ซึ่งในช่วงแรก พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงมารับเรื่องด้วยตนเอง
โดยนายปานเทพ เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกเลขคดีสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตของแตงโมภายในสิ้นเดือนนี้ ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และที่ปรึกษารัฐมนตรียืนยันว่าจะรับเครื่องเอาไว้และพิจารณารายละเอียดว่าจะสามารถดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ใดเพียงใด ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนมกราคมนี้ที่จะเรียกพยานที่ทางนายอัจฉริยะ และนายปานเทพนำมาเสนอ
ขณะที่ บอสณวัฒน์เอง ก็ได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายการเสียชีวิตของแตงโมมาเปิดให้กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอพิจารณาดูว่าพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าแตงโม นิดา ถูกฆาตกรรม เพราะลักษณะเป็นการถูกมัดมือไพล่หลัง และรอยช้ำตามตัวของแตงโม
ด้ายนายปานเทพ ให้สัมภาษณ์หลังจากยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ว่า วันนี้วัตถุประสงค์หลักที่มิสแกรนด์ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้หญิง เพื่อมาทวงคืนศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิงผ่านคดีของแตงโม และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเลขคดีสืบสวนสอบสวนการเสียชีวิตของแตงโมให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้สังคมเกิดความสับสนว่าให้รื้อคดีกับเป็นคดีใหม่ เพราะก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะได้ยื่นเรื่องเข้ามาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ แม้ว่าคดีของแตงโมนิดา จะอยู่ในชั้นศาลซึ่งคณะทำงานเองไม่ได้หยุดยั้งกระบวนการพิจารณาของศาลแต่อย่างใด แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเป็นคดีใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการ พิจารณาของศาลคือเจ้าหน้าที่ในการทำคดีนี้มีการทุจริตในหน้าที่หรือไม่ ช่วยเหลือบุคคลบนเรือสปีตโบ๊ทหรือไม่ เช่นเดียวกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ที่บอกว่า คดีการเสียชีวิตของแตงโม ดีเอสไอสามารถออกหมายเรียกสืบสวนสอบสวนได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรออะไรเลย เพราะว่าชัดเจนแล้วว่าบาดแผลที่ขาของแตงโมนั้น ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเคยให้ปากคำไปแล้วซึ่งก็ต้องยอมรับว่าคดีนี้ตนเองต่อสู้มาตลอดสามปี ถูกตำรวจภูธรภาค 1 ฟ้องร้องดำเนินคดี แต่สุดท้ายศาลยกฟ้องคดีนี้ก็เป็นส่วนที่จะเดิมพันตนเองเช่นกัน พอจะเป็นคดีสุดท้ายที่ตนเองจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับสังคม
ในขณะที่มีการสัมภาษณ์อยู่นั้นพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ได้เดินทางลงมาที่ห้องรับรองที่มีการสัมภาษณ์อยู่ โดยนายณวัฒน์ ก็ยังคงเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเ ร่งรัดรับคดีของแตงโมเป็นคดีพิเศษ ซึ่งพันตำรวจเอกทวี ก็รับปากว่าจะดำเนินการ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบข้อมูลและพยานหลักฐานที่ทีมงานของนายปานเทพและนายอัจฉริยะ ได้รวบรวมมาว่าจะดำเนินการได้ตามกรอบอำนาจหน้าที่หรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะไขคดีที่มีความสลับซับซ้อนและสังคมให้ความสนใจอยู่แล้ว แต่ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบองค์ประกอบและพยานหลักฐานอย่างละเอียด เพื่อการดำเนินการใดๆจะไม่ขัดต่อกฎหมาย
Advertisement