เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งเเวดล้อม นัดหมายนายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS เข้าให้ข้อมูลเรื่องจุดแผนที่ของเรือสปีดโบ๊ตคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงสาวชื่อดัง
โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งเเวดล้อม เปิดเผยว่า การเชิญนายเอกราช นามโภคิน เข้าให้ข้อมูลในวันนี้ เนื่องด้วยได้มีกลุ่มผู้ร้องได้ส่งนายเอกราช มาให้คณะทำงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และบันทึกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งนานเอกราช ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง GPS ระบบตำแหน่งเรือ โดยข้อมูลที่คณะตรวจสอบข้อเท็จจริงจะได้รับจากนายเอกราชนั้น เป็นข้อมูลที่ได้มีกลุ่มผู้ร้องไปร้องขอจากศาล ซึ่งเป็นข้อมูล GPS ที่อยู่ติดกับเรือลำเกิดเหตุ โดยคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงจะได้ดูว่าเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้บันทึกถ้อยคำประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงสำหรับใช้รายงานตามลำดับชั้นต่อไป
พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า สำหรับข้อมูล GPS บนเรือระหว่างของดีเอสไอและนายเอกราชนั้น ถือเป็นการนำข้อมูลของนายเอกราชมาใช้ตรวจสอบร่วมกับระบบแผนที่ของดีเอสไอ หรือเรียกว่า DSI Crime Mapping เพื่อทดสอบและตรวจสอบว่าเส้นทางการเดินเรือลำเกิดเหตุแท้จริงเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งจะได้นำไปตรวจสอบคู่ขนานกับข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อมวลชน และภาพถ่ายต่าง ๆ เพื่อดูว่ามีความสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกันอย่างไรหรือไม่ จะได้ดำเนินการสรุปข้อเท็จจริงต่าง ๆ เข้าสู่สำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
พ.ต.ต.ณฐพล เผยต่อว่า รายละเอียดภายในระบบของ DSI Crime Mapping สามารถนำข้อมูล GPS ของเรือลำเกิดเหตุมาใช้ดูได้ทั้งหมด ทั้งความเร็วการเดินเรือแต่ละช่วง โดยที่เราจะกำหนดจุดแต่ละเส้นว่าเป็นอย่างไร รวมถึงความลึกของเรือด้วย ซึ่งรายละเอียดลักษณะนี้ถือเป็นข้อมูลเชิงเทคนิค ดังนั้น วันนี้เรามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอฝ่ายเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องระบบ GPS เชี่ยวชาญด้านโทรศัพท์มือถือ และระบบแผนที่ จะได้ประชุมร่วมกันเพื่อสอบถามข้อมูลจากนายเอกราชด้วย ว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นอย่างไรบ้าง และถูกต้องหรือไม่ เพื่อจะได้รวบรวมประกอบการพิจารณาต่อไป
พ.ต.ต.ณฐพล เผยด้วยว่า สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ ทางคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงจะมีการประชุมกันว่าในการตรวจสอบนั้นจะต้องเชิญบุคคลใดอีกบ้าง เพราะในส่วนของผู้ร้องจะมีการเชิญคนให้ข้อมูลมาพบดีเอสไอเพิ่มเติม และอาจนำเอาข้อมูลที่ได้จากการจำลองสถานการณ์การตกเรือเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา มาให้ดีเอสไอ ตอนนี้จึงอยู่ระหว่างการประสานงานกันว่าจะต้องให้บุคคลใดเข้ามาให้ข้อมูลแก่ดีเอสไออีกหรือไม่ ทั้งนี้ เราจะเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการทำงานต่อสื่อมวลชนและสาธารณชนต่อไป
ส่วนประเด็นเรื่องข้อเรียกร้องที่อยากให้ดีเอสไอมีการออกเลขสืบสวนคดีพิเศษนั้น พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า ตอนนี้กระบวนการอยู่ที่กองบริหารคดีพิเศษ ซึ่งได้รับเรื่องไว้เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ตอนนี้ทราบว่ากองบริหารคดีพิเศษ อยู่ระหว่างประมวลเรื่องเพื่อเสนอต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาต่อไป และจากนั้นจะเป็นอำนาจการพิจารณาของอธิบดีฯ ว่าจะให้คณะทำงานดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องการสืบสวน เราสามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดำเนินการได้ตามการสืบสวนสอบสวนทั่วไปอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่า การเข้าให้ข้อมูลจากภาคประชาชน สามารถทำให้คณะทำงานนำไปต่อยอดได้เยอะ แต่เราต้องทำโดยไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล และต้องไม่ขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี
ขณะที่ นายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งที่สองที่ตนเข้าพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพราะในครั้งแรกยังคงมีรายละเอียดจำนวนมาก อาทิ เรื่องข้อพิรุธจาก GPS ที่ได้วิเคราะห์และรวบรวมนั้น ตนได้ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ดังนั้น วันนี้ทางดีเอสไอจะได้เอาข้อมูลทั้งหมดของตนที่วิเคราะห์แล้วกลับไปใช้กับโปรแกรมซอฟท์แวร์ของดีเอสไอเองเพื่อไปวิเคราะห์ต่อได้ ซึ่งตนไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เห็นข้อพิรุธของ GPS 20-30 จุดดังกล่าว แต่ดีเอสไอเองก็พบเหมือนกัน วันนี้จึงต้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากสิ่งที่ยังไม่ได้คุยในครั้งแรก โดยในวันนี้จะได้คุยทั้งหมดกับดีเอสไอ ทั้งจุดข้อพิรุธ จุดที่น่าสงสัย เพราะถ้าดีเอสไอมีการออกเลขคดีพิเศษเมื่อใดก็จะสามารถนำสืบต่อจากสิ่งที่เราวิเคราะห์ไว้ได้ว่าเป็นข้อพิรุธ ดังนั้น วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ตนได้ส่งมอบข้อมูลแก่ดีเอสไอ
นายเอกราช กล่าวต่อว่า สำหรับจุดพิรุธของ GPS ที่เราโฟกัสจริง ๆ มีประมาน 8 จุด แต่ส่วนที่เหลือจะได้เอามาประกอบส่วนที่เราสงสัยให้มีน้ำหนัก เช่น จุดวัดค้างคาว จริง ๆ แล้วจุดนี้มีคำถามว่าใครเป็นคนขับเรือ และขับมาทำไม มันก็จะมีข้อพิรุธของ GPS ก่อนที่จะเอาเรือไปเก็บเพื่อให้น้ำหนักในจุดวัดค้างคาวว่าจริง ๆ แล้วมีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้น ดีเอสไอสามารถนำสืบในส่วนนี้ต่อไปได้ นอกจากนี้ ในส่วนของข้อมูลที่วิเคราะห์ระบบ GPS ของเรือที่มีทั้งความเร็วแต่ละจุดแต่ละช่วงว่าเรือใช้ความเร็วกี่นอต ถึงมีส่วนสำคัญในการไขคดีได้นั้น ตนขออธิบายว่า เรื่องความเร็วเรือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ไขคดีได้คือข้อพิรุธจากการที่บุคคลได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะการจับผิดไม่ยากเลยถ้าเรามี GPS ของจริง ดังนั้น เวลามีการให้สัมภาษณ์ข่าว หรือให้การใด ๆ เราก็จะนำส่วนนี้มาเปรียบเทียบดูกับ GPS ว่าพูดถูกต้องไหม ตำแหน่งถูกต้องหรือไม่ สิ่งที่เราทำก็คือไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรูปภาพ หรือการให้การ เราจะเอามันมาจับคู่กับ GPS สิ่งที่เราเห็นเลยก็คือบางตำแหน่งที่มีการแถลงข่าวหรือนำรูปภาพมาใช้ออกรายการ มันไม่ตรงกับความเป็นจริง 2-3 ภาพ และยังมีกล้องวงจรปิดที่เวลาเปลี่ยนไปด้วย จึงขอยืนยันอีกครั้งว่า GPS ไม่ได้ถูกแก้ไข แต่สิ่งที่จะเอามาประกอบกับ GPS นี่แหละที่มีการแก้ไขแล้วมันไม่ตรงกันกับ GPS ย้ำว่าเราไม่ใช่นักสืบที่จะมาจับผิดอะไร แต่ข้อมูลทั้งหมดมันอยู่บนหน้าสื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้เห็นข้อมูล GPS ของจริง
นายเอกราช กล่าวด้วยว่า สำหรับ GPS ของตนที่ได้วิเคราะห์แล้ว และ GPS ของดีเอสไอนั้น มันมี 2 ส่วน คือ ไฟล์ Raw Data หรือไฟล์ข้อมูลดิบ ที่เราดึงออกจาก GPS บนเรือลำเกิดเหตุ ซึ่งเป็นไฟล์เดียวกับที่ตำรวจมี ซึ่งเราก็ได้ชุดนี้มาจากศาล ตามที่มีการขอมา และของดีเอสไอก็เป็นชุดเดียวกัน ส่วนสิ่งที่แตกต่างก็คือซอฟท์แวร์ที่จะเอาข้อมูลมาใส่ลงและดูว่าเรือไปทางไหนยังไง ดังนั้น ซอฟท์แวร์ที่เราได้วิเคราะห์มา 3 ปี คือซอฟท์แวร์ที่เราได้พัฒนาขึ้น ตรวจสอบแล้วตรงกับต้นฉบับ และทางดีเอสไอก็มีซอฟท์แวร์ของเขาเอง ซี่งจะลึกลงไปอีก เมื่อนำทั้งหมดมาประกอบกัน เราจะได้ข้อเท็จจริง 100% แบบที่ไม่ต้องมาโต้แย้งกันว่าอันไหนถูกอันไหนผิด
นายเอกราช กล่าวอีกว่า สำหรับระบบซอฟท์แวร์ ของตนจะเน้นการดูเวลา สถานที่ ความลึกเรือ ส่วนของดีเอสไอจะเน้นการดูภูมิประเทศที่ได้มากกว่านั้น อาจเป็นจุดที่ลึกกว่า แต่เราโฟกัสที่ตำแหน่งกับเวลาเป็นหลัก โดยตนโฟกัสตั้งแต่ต้นยันจบ คือ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึง 03.03 น. ณ วันเกิดเหตุ แต่ในตอนแถลงข่าวเหมือนจะสิ้นสุดแค่ตอนเอาเรือไปเก็บประมาณเวลา 01.00 น. แต่เมื่อเราได้ข้อมูลจริงมาจึงเห็นว่ามันมีการเดินเรือหลังเวลา 01.00 น. ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความเร็วเรือ 38 นอต แล้วก็ยังไปที่วัดศาลาลี วัดค้างคาวอีก 1 ชม. ก่อนจะเอาเรือเข้าเก็บ แล้วสิ้นสุดการเดินเรือ ดังนั้น มันน่าสงสัยตั้งแต่มีการให้ข่าวว่าหลังจากเก็บเรือไปแล้ว ไม่มีใครเอาเรือออกมาอีกเลย มันผิดสังเกต เราเลยอยากรู้ว่ามันมีอะไรหลังจากนั้นหรือไม่ พอเราเห็นแล้วจึงนำมาประกอบกับหลักฐานต่าง ๆ ที่มีคนส่งมาให้ เเต่เราต้องคัดกรองให้ได้สิ่งที่มีที่มาที่ไปจริง ๆ วันนี้ที่เอาข้อมูลมาคุยกับดีเอสไอคือกรองแล้ว 40-50% จึงเหลือแค่จุดสำคัญจริง ๆ ที่มีการระบุว่ามีการแก้ไขเวลา สถานที่ไม่ตรง และระบุได้ชัดเจนว่าบนเรือมีกี่คนก่อนเวลาแตงโมตกเรือ และที่มีการแถลงข่าวว่ามีเงาอยู่ตรงท้ายเรือ และเงาหายไปคาดว่าแตงโมตกตรงนั้น แต่เราสามารถพิสูจน์ได้ จึงเอามาให้ดีเอสไอว่าเงาที่หายไป ไม่ได้หายไปทางด้านซ้าย (กาบเรือด้านซ้าย) ตามที่มีการให้ข่าว แต่เงาขึ้นไปบนเรือชัดเจน จึงไม่มีเงาหรือคนตกจากด้านท้ายเรือ
นายเอกราช กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้มีหลักฐานอะไรใหม่ แต่แค่เป็นหลักฐานเก่าที่ไม่เคยมีใครไปโฟกัส ตามที่มีการแถลงข่าวหรือให้การ ส่วนรูปภาพในโทรศัพท์ก็ไม่สอดคล้องกับ GPS บนเรือเเล่น เพราะถ้าดูเวลา 21.56 น. ที่มีประเด็นกันว่ามีการแก้ไขรูปหรือไม่นั้น จริง ๆ พิสูจน์ไม่ยากว่าแต่งรูปไหม เพราะดีเอสไอมีวิธีการดู ซึ่งเราก็รู้ว่ามันถูกแต่งแน่นอน และในเวลา 22.13 น. อันนี้ชัดเจนว่าถ่ายที่บริเวณสะพานพระราม 8 แล้วก็บอกในรายการเองว่าใครเป็นคนถ่าย แล้วจอดเรือถ่าย แต่เวลา 22.13 น. ดังกล่าว เรือมันเลยไปจะถึงสะพานซังฮี้แล้ว และแล่นด้วยความเร็ว 8 นอต ไม่ใช่จอดเรือแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจุด เช่น จุดสะพานซังฮี้ เวลาก็ผิด หากถามว่าทำไมต้องแก้เวลาให้ผิดแบบนั้น เพราะมันจะไปประกอบกับจุดตก เวลาตกให้เหมาะสมพอดี
นายเอกราช กล่าวต่อว่า เราพิสูจน์แค่เรื่องเดียวที่แซนพูดว่ามีการตกท้ายเรือจริงหรือไม่ ตกเวลานี้ และตกทางด้านซ้าย หรือจับอีกประมาณ 10 วินาทีหรือไม่ ถ้าเราพิสูจน์ได้ แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าทั้งหมดจะใช่เรื่องจริงหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ หากบทสรุปออกมาว่าเป็นการประมาทจริง ๆ ไม่ใช่เหตุฆาตกรรมกัน เราก็ยอมรับได้ ก็ขึ้นอยู่กับทางดีเอสไอ เพราะเราไม่ได้มีอำนาจตรงนั้น เรามีหน้าที่ทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏ แต่เชื่อว่าสิ่งที่เราทำมา 3 ปีค่อนข้างละเอียด และจะสามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน .
Advertisement