กรณี นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกมวยเหรียญทองโอลิมปิก พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา น้องคนสนิทของสมรักษ์ ซึ่งเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มารับ สมรักษ์ และ น.ส. เอ อายุ 17 ปี จากสถานบันเทิงพาไปส่งที่โรงแรมในเมืองขอนแก่น กระทั่งกลายเป็นคดีความกันขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ซึ่งในคดีดังกล่าว สมรักษ์ คำสิงห์ ถูกแจ้งข้อหา 4 ข้อหา คือ ข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองตาม ป.อาญามาตรา 318, ข้อหาร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อาญา มาตรา 283, ข้อหากระทำอนาจารแก่คนอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อาญามาตรา 278 และข้อหาพยายามข่มขืนผู้อื่นใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อาญามาตรา 76 และมาตรา 80
ล่าสุดศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่าไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบตามร่างกาย ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน
ข้อต่อสู้จำเลยว่า ผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความพยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่า จะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้
ศาลจึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โดยวันเกิดเหตุ ได้มีการเปิดเผยแชต ที่เด็กสาว 17 ปี แอบหนีลงมาจากห้อง แล้วทักไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ระบุว่า "พ่อใหญ่บาสพาเค้ามาโรงแรม" และยังบอกเพื่อนว่า "ฟ้าวมา เค้าย่าน " "ใจจะขาดแล้ว"
ซึ่งตอนนั้นสภาพจิตใจน้องย่ำแย่มาก
Advertisement