วันที่ 24 ม.ค. 68 น.ส.ณัชชาภรณ์ ติชะพันธุ์ ผู้เสียหาย อายุ 32 ปี เล่าว่า คืนวันที่ 17 ธ.ค. 67 ได้รับ SMS จากธนาคารกสิกรไทยแจ้งว่า บัญชีถูกระงับการใช้งานตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี HR3 ตอนแรกคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอวันรุ่งขึ้นกลับได้รับ SMS แจ้งเตือนจากทุกธนาคาร ทำให้ต้องรีบไปตรวจสอบที่สาขาใกล้บ้าน พอไปถึงธนาคารพบว่าถูกอายัดจริง เพราะมีผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง ว่าบัญชีของตนได้ฉ้อโกงสินค้าผู้เสียหายไป ตำรวจจึงแจ้งอายัดบัญชี
ตนได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทราบว่าเกิดจากความผิดพลาด เนื่องจากผู้เสียหายได้มาแจ้งให้อายัดบัญชีของ น.ส.ณัชชาภรณ์ เลขที่ XXX-9-70603-2 ตนจึงติดต่อไปยังผู้เสียหายที่ไปแจ้งความอายัดบัญชี ได้ความว่า เขาได้ไปแจ้งอายัดบัญชี ของนางสุณิศา (สงวนนามสกุล) เลขที่ XXX-9-40603-2 แต่ไม่ได้แจ้งอายัดบัญชีตน แต่ตำรวจน่าจะคีย์ตัวเลขผิด ระหว่างเลข 7 กับเลข 4 ซึ่งต่างกันเพียงตัวเลขเดียว ทำให้บัญชีตนถูกอายัด และที่บัญชีตนถูกอายัดทั้ง 8 บัญชี เพราะตำรวจไปสั่งอายัดบัญชี ที่เป็นชื่อตนเองทั้งหมด หรือเรียกว่า HR3
ตนพยายามติดต่อประสานงานกับตำรวจที่ สภ.ปากช่อง อยู่ทุกวัน แต่ตำรวจอ้างว่า“ติด 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่” ต้องรอหลังปีใหม่จะปลดอายัด และเพิ่งมาปลดล็อกให้บัญชีเดียวเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 68 นี่เอง ตอนนี้ก็เหลืออีก 7 บัญชีที่ยังถูกอายัดอยู่ และที่น่าช้ำใจอีกคือ ตนทำเรื่องกู้สินเชื่อไว้กับธนาคาร ต้องถูกตัดสิทธิ์ทั้งหมด เพราะบัญชีตนกลายเป็นบัญชีสีเทาเข้ม หรือบัญชีม้า ส่งผลให้ชีวิตพลิกผันในชั่วข้ามคืน ไม่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้เลย ต้องขอยืมพ่อแม่กิน ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้ประทังชีวิตไปก่อน และสิ่งที่ตนสงสัยคือ ทำไมตำรวจกับธนาคารไม่ตรวจสอบตัวเลขกับชื่อให้ดีก่อนถึงอายัดบัญชี ถึงตัวเลขจะเหมือนกัน แต่ชื่อก็ไม่เหมือนกัน
Advertisement