ฆาตกรคือน้าแท้ๆ อ้างสู้กันขวานหล่นใส่คอเอง ยันไม่รู้ว่าตายจริงๆ
สืบจากคลิปเสียงเจอฆาตกรฆ่าหนุ่มใหญ่ดับคาบ้าน ที่แท้คือน้า เผยปมหลานด่าแม่ ส่วนรอยแผลขวานจามเข้าคอ อ้างคนตายทำขวานหล่นใส่คอตัวเอง
จากกรณีวานนี้ (24 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง ได้รับแจ้งเหตุมีทำร้ายร่างกายกันเสียชีวิตภายในบ้าน ในพื้นที่ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พบผู้เสียชีวิตคือนายสราวุธ ลำภา หรือโค้ อายุ 48 ปี สภาพศพนอนหงาย บริเวณต้นคอด้านซ้ายถูกของมีคมแทงลึกเป็นแผลขนาดใหญ่ ใกล้กันพบขวานเหล็กตกอยู่ 1 เล่ม คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ
คอนเทนต์แนะนำ
เมื่อตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียง จนได้หลักฐานสำคัญเป็นคลิปวงจรปิดบ้านของเพื่อนบ้านที่มีเสียงทะเลาะของคนตายกับชายอีกคน ก่อนมีพบว่าสุดท้ายกลายเป็นศพหน้าบ้าน ซึ่งตำรวจได้นำคลิปนี้ไปตรวจสอบคลี่คลายปมสังหารว่ามาจากกรณีพิพาทที่ดิน หรือเรื่องยืมรถ
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้ เบื้องต้นทราบตัวผู้ก่อเหตุคือนายบํารุง บุญเชิด อายุ 59 ปี มีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของนายสราวุธ ผู้ตาย ซึ่งทางผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ (25 มกราคม 2568) ทางครอบครัวของนายบำรุง ได้เดินทางนำอาหารและน้ำอัดลมเข้ามาเยี่ยมผู้ก่อเหตุ
โดยน้องโป้ง สุวิพัทธ์ ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับนายบำรุง ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายโค้-สราวุธมาด่าแม่ และให้กล้วยแม่ของตนก่อน โดยด่าว่า ‘อีแก่ เมื่อไหร่มึงจะตาย” ตนก็เลยโมโห และเข้าไปหานายโค้ เพราะหมดความอดทนแล้ว เพื่อจะเข้าไปหยุดหลานของตัวเอง แต่นายโค้ได้ใช้ขวานฟันตนมาก่อน ตนก็ใช้ท่อนเหล็กตีกลับไปที่แขนของนายโค้ แต่จังหวะที่นายโคถูกฟัน นายโค้ทำขวานตกใส่คอของตัวเอง ตอนแรกตนก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นตาย ตนก็เลยไปหาปลาต่อ ยืนยันว่าไม่ได้หนี และทันทีที่รู้ว่านายโค้ตาย ตนก็รีบเข้ามามอบตัวในทันที ส่วนปมเรื่องที่ดินตนยืนยันว่าไม่ใช่แต่อย่างใด เพราะที่ดินที่นายโค้อยู่ ก็เป็นที่ดินของแม่ตนอยู่แล้ว
ด้านนางสาวนราวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนยอมรับว่าปกติพ่อของตนเป็นอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว และก็ชอบมีปัญหาญาติ ๆ ด้วยกัน ซึ่งปัญหานี่ส่วนตัวในฐานะลูกสาวรู้เรื่องมานานแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะต้องมาจบชีวิตแบบนี้ เพราะขวานที่ใช้ในการก่อเหตุ ตนก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้ทันทีว่าคนก่อเหตุคือน้าแท้ ๆ ของพ่อ เพราะตนจำเสียงได้ตอนเกิดเหตุได้ ตนไม่คิดว่านายบำรุงจะทำถึงขนาดนี้ ส่วนที่นายบำรุงอ้างว่าพ่อของตนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะพ่อของตนแขนหักข้างนึง และแขนทั้งสองข้างก็ไม่มีแรง ส่วนสาเหตุจริง ๆ จะเป็นเรื่องปัญหาที่ดินหรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจ แต่รู้เพียงว่าที่ดินที่พ่อของตนอยู่ ญาติ ๆ ต้องการให้พ่อของตนย้ายออกไป เพราะจะให้คนอื่นมาสร้างบ้านตรงนี้แทน แต่พ่อไม่ต้องการออก เพราะพ่ออยู่ที่นี่มาตั้งตั้งแต่เด็ก พ่อรักที่นี่มาก ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวของนายบำรุงก็ไม่ได้มีการเข้ามาพูดคุยกับตนแต่อย่างใด และนายบำรุงก็ไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิด
Advertisement
