วันนี้ (29ม.ค.68) นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ “เคนโด้” เจ้าของเพจเคนโด้ช่วยด้วย พร้อมชมรมคอลัมนิสต์นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ไทย เดินทางมาที่กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีฯ ให้ตรวจสอบอาจารย์มหาวิทยาลัยดัง โดยมีนายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายเกรียงไกรมาศ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองมา 2 เรื่อง เรื่องแรก กรณีอาจารย์ท่านนี้มีการจ้างวานทำร้ายนักข่าว เนื่องจากอาจมีการนำเสนอข่าวไม่ตรงใจ โดยมีหลักฐานเป็นคลิปและเสียงชัดเจนว่ามีการสั่งให้ทำร้ายนักข่าวปากแตก ส่วนนี้ตนคิดว่าเป็นอำนาจโดยตรงของ อว. ที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่ามีการทำร้ายนักข่าวจริงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เป็นคดีความเรียบร้อย และอาจารย์ท่านนี้มีการทำเอกสารที่ไม่เป็นจริง เข้าไปชี้แจงกับมหาวิทยาลัย และไม่ตรงกับที่ตำรวจแจ้งดำเนินคดี อยากจะให้ช่วยตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นภาพลักษณ์ของกระทรวงฯ อีกทั้งตนเองยังไม่เคยเห็นอาจารย์ระดับด็อกเตอร์มามีเรื่องกับประชาชนหรือสื่อสื่อ และยังมีคดีที่เกิดขึ้นจำนวนมาก
นายเกรียงไกรมาศ บอกอีกว่า หลายปีที่ผ่านมาเหตุการณ์มันเกิดขึ้นซ้ำๆ มีคนที่ตกเป็นเหยื่อและถูกยัดคดีจากอาจารย์ท่านนี้เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือตนเองด้วย และสิ่งที่ตนเองกังวลใจคือเรื่องสื่อ ความตรงไปตรงมาในการนำเสนอของสื่อถูกคุกคาม ด้วยการบอกว่าจะฟ้อง หรือการฟ้องแก้เกี้ยว และอาจารย์ท่านนี้มีการออกสื่อตลอดเวลา ซึ่งสิ่งที่เราแปลกใจคือต้นสังกัด มหาวิทยาลัยฯทำไมไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย และมองว่าการฟ้องร้องไม่สมควรทำ ควรไปพัฒนาการศึกษามากกว่ามาฟ้องร้องชาวบ้าน
ส่วนอีกหนึ่งเรื่อง คือ 2 ปีที่ผ่านมา ตนเองถูกคุกคามจากอาจารย์ท่านนี้ มีการฟ้องร้องกัน ตัวเองชนะคดีมา 2 รอบแล้ว ซึ่งอาจารย์ไม่ยอมรับการตัดสินของศาลมีการแถลงข่าวกลั่นแกล้งของตนเอง
ล่าสุดมีการแถลงข่าวเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กล่าวหาว่าตนเองเป็น “มิจในมิตร” และกล่าวหาว่าตนเป็นบิดาแชร์ลูกโซ่ เกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป คดโกงฉ้อโกงประชาชน วันนั้นตัวเองถูกสื่อจำนวนมากลงข่าว จนป่วยเข้าโรงพยาบาลไปนาน 5 วัน ปัจจุบันก็ยังไม่กล้าอ่านข่าวตัวเอง หากภาพลักษณ์ของกระทรวงศึกษาฯ ไม่ทำอะไร ภาพลักษณ์ก็จะเสียไปเรื่อยๆ
จากที่ตนสำรวจจากสื่อพบสื่อลงข่าวไปจำนวนมาก น่าจะมียอดวิวทุกช่องทางรวมกันมากกว่า 100 ล้านวิว ตนเองมองว่าความเสียหายเกิดมากมาย อยากจะฟ้องเรียกต่าเสียหายสัก 100 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาพัฒนาวงการสื่อ วงการการศึกษา ตนเองคิดไว้แค่นั้น
ส่วนหากอาจารย์จะฟ้องกลับตนเองก็ยินดี แต่ถ้าอาจารย์จะขอโทษตนเองตนเองก็ยินดีเช่นกัน อาจารย์หวงในชื่อเสียงของอาจารย์ แต่อาจารย์กลับทำตรงกันข้าม คือเอาชื่อเสียงของอาจารย์มาทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น และมีอีกเรื่องที่ตนไม่พอใจ การกระทำของอาจารย์ท่านนี้ คือการใช้เพศสภาพ อาการเจ็บป่วยมาพูด ใช้คำว่าไบโพลาร์ มาล้อเลียนตนเองด้วย ซึ่งกระทบกับผู้ป่วยไบโพลาร์หลายคน ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โดยอาจารย์ท่านนี้ใช้คำว่า ‘ไอ้ไบโพลาร์ขาดยา‘ มาบูลลี่ตนเอง
สุดท้าย นายเกรียงไกรมาศ ขอวิงวอนให้แต่ละสื่อที่เคยลงข่าวไปเมื่อ ต.ค. 2567 ว่าเป็น “ดีเจมิจในมิตร” ให้ลงข่าวแก้ไขให้ เนื่องจากเป็นข่าวเท็จ และหวังว่ากระทรวง อว.จะเร่งดำเนินการตรวจสอบ
ด้านศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จะนำเรื่องที่ผู้ร้องร้องเรียนวันนี้ เรียนให้รัฐมนตรีฯ ทราบ เพื่อแจ้งให้มหาวิทยาลัยต้นสังกัด ได้สอบสวนชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งหากมหาวิทยาลัยดำเนินการแล้วยังมีอะไรทีเราคิดว่าไม่ครบถ้วน ยังขาดประเด็นอะไร ก็จะดูว่าทาง อว.จะเข้าดูแลเรื่องนี้ได้อย่างไร ซึ่งต้องเรียนว่าเรื่องธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัย หรือเรื่องจริยธรรมของบุคลากร มีระเบียบมีกฎหมายรองรับเอาไว้อยู่แล้ว แต่กระบวนการก็ต้องเริ่มต้นที่ต้นสังกัดก่อน เพราะมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐที่มีการบริหารของเขา โดยทางออวอจะประสานให้มหาวิทยาลัยดำเนินการ ซึ่งมีกรอบระยะเวลา 30 วัน
Advertisement