เปิดคำสารภาพมือวางเพลิง รพ.เดชอุดม แค้น 2 นามสกุลดังโกงเงิน

คุมตัวผู้ก่อเหตุเผา รพ.เดชอุดม สอบเพิ่ม เจ้าตัวรับทำเพราะแค้น 2 นามสกุลดังที่โกงเงิน ไม่ได้มีปัญหากับใครในโรงพยาบาล ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาหนัก

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม ที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.68) ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคาร 3 จุดรักษาผู้ป่วยหู ตา คอ จมูก ซึ่งเวลานั้นค่อนข้างชุลมุน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องรีบอพยพผู้ป่วยออกจากอาคารอย่างเร่งด่วน โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงนำกำลังเข้าระงับเหตุ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้

คอนเทนต์แนะนำ

เครื่องบินพยาบาลตกกลางชุมชน ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ ระเบิดไฟลุกพรึ่บ!

อนุทิน-เนวิน ลงคะแนนเลือกตั้งอบจ.บุรีรัมย์ ย้ำทุกคนในมท.เป็นกลางแน่นอน

ชาวมันนิไม่ยอมเสียสิทธิ์ หอบลูกจูงหลานลงเขา มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ทั้งนี้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด เป็นนาทีที่ชายคนหนึ่งสะพายเป้เดินขึ้นมาบริเวณชั้น 3 ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ขณะที่พยานซึ่งเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ชายคนที่สะพายเป้นั้นในมือถือระเบิดขวด ถือปืน เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 3 ก่อนจะจุดไฟและปาระเบิดขวดที่เตรียมมา ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ก่อนหลบหนีออกจาก รพ. ไปทางถนนนาเยีย

เจ้าหน้าที่จึงมีการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาที่ สภ.เดชอุดม นายพิบูลย์ อายุ 40 ปี เป็นคนตำบลในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยเจ้าตัวอ้างทำธุรกิจถูกโกง จึงโกธรแค้น ปาระเบิดเผา รพ.ระบายอารมณ์ ก่อนขับรถไล่ชนนักเรียนเจ็บ 3 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุดวันนี้ (1ก.พ.68) เวลา 08.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายพิบูลย์ หรือ ปอน อายุ 40 ปี ผู้ก่อเหตุวางเพลิง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จ.อุบลราชธานี มาสอบปากคำในช่วงเช้า เพื่อที่จะเตรียมฝากขังในช่วงเที่ยงของวันนี้

ระหว่างคุมตัวผู้ก่อเหตุออกมา ผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ และถึงเรื่องที่เจ้าตัวอ้างว่าโดนโกงหลายล้านบาท รวมถึงได้ก่อเหตุแล้วอยากจะพูดอะไรถึงคนอุบลราชธานีหรือไม่ แต่ตัวของผู้ต้องหาก็ไม่ยอมตอบคำถามกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวเข้าไปในห้องสอบสวนเพื่อสอบปากคำ

ระหว่างที่สอบปากคำพร้อมทนาย สังเกตว่าเจ้าตัวมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อคืน ให้การรู้เรื่องหมดทุกอย่าง โดยบอกว่าตัวเองเดินทางมาจาก กทม. ด้วยการนั่งเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง มาลงที่สนามบินอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2568 แล้วได้เช่ารถเก๋งที่สนามบิน เพื่อไปเยี่ยมญาติที่อำเภอพิบูลฯ จ.อุบลราชธานี แล้วมาพบญาติที่ชื่อ นายหิน ที่ อ.เดชอุดม ซึ่งได้สอบถาม นายหิน ว่ารู้จักคนนามสกุลดัง 2 นามสกุลไหม จากนั้น นายหิน ตอบว่า “มีคนนามสกุลนี้ที่ อ.น้ำยืน ตนก็เลยเดินทางกลับบ้านที่ อ.พิบูลฯ

กระทั่งวันที่ 31 มกราคม 2568 ประมาณ 13.00 น. ตนได้ไปซื้อมีด ไฟแช็ค ช้อน ที่โลตัสเดชอุดมแล้วขับรถมา โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จอดรถที่ลานจอดรถ แล้วเดินหาจุดเกิดเหตุ ระหว่างตึก 2 และตึก 3 เมื่อดูแล้วก็กลับไปเอาที่รถ เพื่อเอาน้ำมันใส่ถุงพลาสติก ใส่กระเป๋าสะพายสีดำและสีเทา และมีมีดอยู่ข้างๆกระเป๋า พร้อมอาวุธปืนพกสั้นแล้วเดินไปที่ตึก 3 ชั้น 3 แล้วได้ปาถุงพลาสติกบรรจุน้ำมันลงบนพื้นห้องผู้ป่วยชั้น 3 แล้วจุดไฟแช็กแอลกอฮอล์ก้อนเพื่อปาลงไปให้เกิดไฟลุกไหม้ จากนั้นตนได้เห็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายเข้ามาพยายามจะดับไฟ จึงยิงปืนสกัด 1 นัด แต่ไม่โดนใคร

พร้อมกันนี้ นายพิบูลย์ ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีความเคียดแค้นเคืองโกรธกับบุคคลใดในโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นได้ซื้อต่อมาจากเพื่อนในราคา 4,000 บาท และกระสุนปืนได้ซื้อมาจากร้านขายอาวุธปืนใน อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อเอามาพกติดตัวและนำมาก่อเหตุครั้งนี้ หลังจากก่อเหตุก็ได้โปรยใบปลิวที่ระบุนามสกุล 2 นามสกุล ซึ่งจัดทำไว้ประมาณ 30 ถึง 40 แผ่น เพื่อระบายอารมณ์

จากนั้นเวลา 09:40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญพยาน 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลตรงจุดเกิดเหตุมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 คนยืนร่วมกับผู้ก่อเหตุ 1 คน รวมทั้งหมด 5 คนเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ก่อเหตุ และจากนั้นให้ผู้ก่อเหตุถือกระดาษหมายเลข 4 แล้วให้พยานชี้ว่าหมายเลขไหนคือผู้ก่อเหตุ โดยห้องที่ผู้ก่อเหตุอยู่ ไม่สามารถมองเห็นตัวพยานได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของพยาน

และเบื้องต้นผู้ก่อเหตุ ขอปฏิเสธที่จะไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงให้เซ็นเอกสารรับทราบข้อกล่าวหา และเตรียมส่งฝากขังก่อนเที่ยงวันนี้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เดชอุดม ได้คุมตัว “นายพิบูลย์” กลับมายังห้องสืบสวน เพื่อทำการสอบปากคำและซักประวัติเพิ่มเติม เบื้องต้นแจ้งข้อหา 1.วางเพลิงเผาทรัพย์ 2.ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 3.พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย มีผู้ได้รับอันตรายแก่กาย และ ขับรถเฉี่ยวชนแล้วหนี

ล่าสุดเมื่อเวลา 10:30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายพิบูลย์ ออกจากห้องสืบเพื่อพาเข้าห้องขัง ระหว่างนั้นทีมข่าวพยายามสอบถามกับเจ้าตัวถึงชนวนในการก่อเหตุ เจ้าตัวบอกว่าเกิดจากความเครียด และมีหลายๆอย่างเกี่ยวกับคน 2 นามสกุลที่ระบุในใบปลิว แล้วก็อยากขอโทษผู้เสียหายทุกคน รวมถึงอยากขอโทษครอบครัวด้วย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นายพิบูลย์ พาเข้าห้องขัง สภ.เดชอุดม