เต้ มงคลกิตติ์ เชื่อ แตงโม ถูกฆาตกรรม พบพิรุธมือถือถูกปิด 3 ชั่วโมง
เต้ มงคลกิตติ์ เชื่อมาเสมอว่า แตงโม ถูกฆาตกรรม พบพยานหลักฐานใหม่ CCTV ใต้สะพานซังฮี้ไม่มีคนอยู่ท้ายเรือ-พิรุธมือถือแตงโมถูกปิด 3 ชั่วโมง
นาย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ หรือ เต้ มงคลกิตติ์ ระบุว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษตั้งเลขสืบเรื่องคดีแตงโมภาค 2 จึงออกหมายเรียกให้ตนมาเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่องที่ ที่ผ่านมาเราได้พยายามหาหลักฐานในช่วงประมาณ 30 วันแรกของการเกิดเหตุ ก็คงอยากให้ตนมาให้การว่ามีตรงจุดไหนบ้างที่เป็นจุดน่าสังเกต ว่าทำไมถึงสันนิษฐานว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง ซึ่งตนมีความเชื่ออยู่แล้วว่าเป็นฆาตกรรม ขนาดโดนคนบนเรือฟ้อง ซึ่งศาลก็ยกฟ้องไปแล้ว 7 กรรม และยังมีคดีอีกหลายคดี ที่เราโดนฟ้อง ในขณะที่ตนเป็น สส.มันทำอะไรค่อนข้างลำบาก เดี๋ยวหาว่าเราแทรกแซง
คอนเทนต์แนะนำ
ฉะนั้นในช่วงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้เรายังมีความคิดเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าในช่วงนั้นทางกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่กล้าเข้าไปในสำนวน แต่ละหน่วยงานแทรกแซงอะไรกันไม่ได้ แต่ขณะนี้ทางคดีก็ไปได้พอสมควร ในส่วนของปอและโรเบิร์ต คดีสิ้นสุดไปแล้ว ในคดีประมาท
ในระหว่างทางช่วงที่เงียบเงียบไปทางตนเองก็ยังอยู่กับคุณแม่แตงโมมาโดยตลอด อยู่ด้านหลัง เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันพอเกิดเหตุการณ์ในกรณีที่มีคำพิพากษาของศาลยกฟ้องในคดีหมิ่นประมาท คุณอัจฉริยะ และพวก และมีการเบิกความเรื่อง GPS ที่มันน่าสงสัย เพราะฉะนั้นเราก็ลองมาทบทวนดู
เดิมทีตนจะดูคดีนี้ห่างๆ เพียงแต่ว่าปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกให้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมและขอพยานหลักฐานเท่าที่มีและตั้งเรื่องใหม่ การตั้งเรื่องใหม่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้เกี่ยวกับคดีเก่า เน้นไปในเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน อาจจะนำไปสู่เรื่องของคดีใหม่ ซึ่งเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ต้องห้ามฟ้องคดีเดิม
เท่าที่ตนจำได้ ทางพนักงานสอบสวนชุดเดิมเขาก็เร่งรัดที่จะสรุปสำนวนสั่งฟ้องคดีประมาทโดยเร็ว ตอนนั้นตนจำได้ว่ากล้องวงจรปิดที่เป็นกล้องเดียวกับที่ตนมี ด้านบนของสะพานซังฮี้ ด้านขวามือ เป็นพยานว่าคนบนเรือนั่งอยู่ท้ายเรือ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น คุณแซน ตรงนั้นเป็นกล้องของทางหลวงชนบท โดยกระทรวงคมนาคม กล้องมีประมาณ 5 ตัว แต่ที่อยู่ในสำนวนที่เอามาชี้ในการแถลงข่าว ของพนักงานสอบสวนชุดเดิม ก็จะบอกว่าเป็น 22.18 น. แต่จริงๆแล้วกล้องตรงจุดนั้นมันจะเขียนว่า 22.07 น.มันจะโอเวอร์แล็บเรื่องเวลาประมาณ 4-5 นาที ก็ประมาณ 22.11 น.ขากลับจากสะพานพระรามแปด มุ่งสู่สะพานซังฮี้ มุ่งสู่สะพานพระราม 7 ซึ่งภายในสะพานพระราม 7 ถึงท่าเรือพิบูลย์ฯของบริษัทเอกชน ที่เรามีกล้องวงจรปิด ซึ่งกล้องวงจรปิดตัวนั้นตนเป็นคนเอามาให้กับพี่น้องสื่อมวลชน
เพราะฉะนั้นในสำนวนเดิมที่คนบนเรือก็ให้การว่า แตงโม ฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัด ถ้าฉี่ท้ายเรือโดนใบพัด ตามที่หลักฐานมี ณ ตอนนั้นก็ว่ากันไป แต่ ณ ตอนนี้จะเปิดคดีใหม่ได้ไหมก็ต้องมาดูว่าพยานหลักฐาน
"พยานหลักฐานเก่า ที่ไม่ได้เอาเข้าสำนวน ก็ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ เพราะฉะนั้นกล้องตัวที่ 3 ฝั่งขวา ของสะพานซังฮี้ด้านล่าง จากคลิปต้นฉบับมันค่อนข้างชัดว่า เดิมทีเราเข้าใจว่ามีคนอยู่ท้ายเรือ แต่พอไปดูกล้องใต้สะพานซังฮี้มันไม่มีคนอยู่ท้ายเรือ ทีนี้มันจะมีการไปจับขาหรือไปฉี่ท้ายเรือหรือไม่" เต้ มงคลกิตติ์ กล่าว
เต้ มงคลกิตติ์ ระบุอีกว่า ฉะนั้นกล้องบริเวณใต้สะพานซังฮี้ เราก็ต้องมีการขยายอีกนิดนึง เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าคนบนเรือมีกี่คนกันแน่ แต่ที่แน่ๆมือถือของแตงโมเป็นไปได้เหรอที่จะปิดนาน 3 ชั่วโมง มือถืออยู่กับตัวหรือไม่ประเด็นสำคัญตนไม่เชื่อว่าคนบนเรือจะไม่มีพาวเวอร์แบงค์ และอีกอย่างหนึ่งการไปทานอาหารที่ครัวบ้านตานิตตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ถึงประมาณ 20.19 น. มันก็มีที่ชาร์จแบตอยู่แล้ว ในสถานการณ์ที่จะทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งปิดมือถือ และเปิดโหมดเครื่องบิน และโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตนเอง มันมีสถานการณ์เดียว คือสถานการณ์ที่ต้องไปพบผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่เขาเกรงว่าเราจะไปอัดคลิปเสียงเขา เขาจึงต้องเก็บโทรศัพท์ไว้อีกที่หนึ่ง เพราะตนก็เคยอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกเก็บมือถือแล้วไปเจอผู้ใหญ่ ซึ่งตนก็รู้ว่าการเก็บมือถือมันต้องเป็นเรื่องลับเฉพาะมากๆ และตนไม่เชื่อว่าคุณแตงโมจะทำให้โทรศัพท์ปิดได้ถึง 3 ชั่วโมง
ซึ่งตอนนี้มือถือของแตงโมอยู่ที่บังแจ็ค เดี๋ยวคงได้กลับมาจะทำให้เราดูรู้อะไรมากกว่าเดิม
ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์ บอกด้วยว่า ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบ ผิดหรือไม่ผิด เพราะก็ทำตามอำนาจหน้าที่ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาไม่ทัน ซึ่งก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่
แต่ส่วนตัวยังตั้งปมมุ่งเน้นไปที่เรื่องฆาตกรรม เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครทำ แต่เชื่อว่าดีเอสไอน่าจะทำให้คดีนี้กระจ่างได้ภายในปีนี้ และคิดว่ามีโอกาสสูง ถ้าหลักฐานพยานต่างๆไปถึง ก็น่าจะรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และอาจนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ เต้ มงคลกิตติ์ ระบุว่า ตนได้โทรคุยรื่องนี้กับแม่แตงโม ซึ่งแม่แตงโม ก็เชื่อว่าลุกถูกฆาตกรรม คุณแม่ยังคาใจว่าลูกสาวตายยังไง
โดยนายมงคลกิตติ์ บอกทิ้งท้ายด้วยว่าอุปสรรคต่อการสู้คดีในปัจจุบัน ถ้าสู้กับคนมีเงิน คนมีเงินมีเส้นสาย ย่อมมีอิทธิพลต่อการทำสำนวนค่อนข้างสูง สามารถจ้างพยานเท็จได้ หรือจ้างพยานให้กลับคำให้การได้ และยังจ้างผู้เสียหายให้ถอนคดีได้ และหากยิ่งมีอำนาจทางการเมืองด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นตอนนี้คงต้องหวังพึ่งดีเอสไอ ที่เหลือเพียงองค์กรเดียวในขณะนี้ที่พอจะเป็นหลักของบ้านเมืองได้ และคดีนี้อาจกลายเป็นตัวชี้วัดว่าจะทำให้ประชาชนกลับมาศรัทธารัฐบาลปัจจุบันได้ด้วยหรือไม่
Advertisement
