วันที่ 3 ก.พ. 68 นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานต่อพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. ให้ตรวจสอบกรณีส่วยตำรวจไซเบอร์ 660 ล้านบาท ที่มีการโอนเข้าบัญชีรองผู้การท่านหนึ่งในตำรวจไซเบอร์
โดยนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนได้เก็บรวบรวมหลักฐานของกองบัญชาการตํารวจไซเบอร์ ตั้งแต่สมัย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา จนมาถึง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตํารวจไซเบอร์ โดยได้มีการเก็บภาพหลักฐาน ทั้งไฟล์วิดีโอภาพและเสียง รวมทั้งบัญชีม้าของกองบัญชาการตํารวจไซเบอร์ทุกคน ส่วนตัวตนรู้ขั้นตอนของการเก็บเงินส่วยของกองบัญชาการตํารวจไซเบอร์ทุกคนที่เป็นหน้าเสื่อ และมีการเก็บเอกสารบัญชีม้า
ก่อนหน้านี้ตนเคยมาร้องเรื่องการคืนเงินของกลาง ในการปล่อยอายัดทรัพย์สินของกลางจํานวน 700 ล้านบาทของกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์กองหนึ่ง กับกองบัญชาการตํารวจนครบาล พอยื่นเรื่องไปแล้ว ปรากฏว่าเรื่องเงียบหายไป วันนี้ตนมายื่นเรื่องใหม่ ยื่นเรื่องที่เป็นรองผู้บังคับการ กองบัญชาการตํารวจไซเบอร์กองกำกับการ 2 ซึ่งเป็นหน้าห้องของรองผู้บังคับการตํารวจไซเบอร์คนหนึ่ง ได้มีการ พบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของรองผู้การ กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ จํานวน 660 ล้านบาท ซึ่งจากการที่เราได้มีการสืบสวนในคดีของเป้ 140 ล้าน โดยมี บิ๊กอ้อ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ในยุคของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ในเวลานั้น ได้มีการสืบสวนพบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของรองผู้การคนดังกล่าว จํานวนทั้งสิ้น 660 ล้านบาท โดยโอนเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วตัวรองผู้การคนนี้ได้มีการโอนเงินต่อไปให้บัญชีม้าไปอีกจํานวนมาก ซึ่งเราเชื่อว่าเงินที่จํานวน 660 ล้านบาท ไม่ได้เป็นเงินที่ได้จากการทําธุรกิจจริง จึงเชื่อว่าเป็นการเป็นเงินที่ได้จาก การเรียกรับผลประโยชน์ หรือรับจ้างฟอกเงินให้กับหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง วันนี้จึงมาร้องให้พล.ต.ท.อัคราเดช ในฐานะที่เป็นผู้ทำคดีเกี่ยวการฟอกเงิน จึงเรียกร้องให้มีการดําเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่
เมื่อถามว่า ประเด็นส่วย 660 ล้านบาทนั้น มีลักษณะการจ่ายอย่างไร นายอัจฉริยะ ระบุว่า มีการเริ่มโอนมาประมาณ 2 ปีนับตั้งแต่คดีเป้รักผู้การ โดยเป็นการรับส่วยรายเดือน เป็นหรือการเก็บเก็บเงินมาตามสายตามสายต่างๆ ทั่วประเทศให้โอนเข้าบัญชีของรองผู้การฯ ก็เป็นการตรวจไซเบอร์โดยตรง แล้วก็ผ่องถ่ายโดยการโอนไปยังบัญชีม้าต่างๆ ให้กับผู้ใหญ่หน่วยงานหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดมีกี่บัญชี แต่ในขณะนี้บัญชีเดียวมียอดโอนถึง 660 ล้าน ซึ่งนอกเหนือจากระดับรองผู้การแล้ว ยังมีตั้งแต่ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการผู้การ และระดับผู้กํากับหรือรองผู้กําการ ส่วนตัวมีข้อมูลหมด โดยเฉพาะหน้าเสื่อของกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะตั้งข้อสังเกตว่า การยื่นเรื่องแฉส่วยตำรวจไซเบอร์รอบนี้จะมีการปราบปรามอย่างจริงจังหรือไม่ เนื่องจากครั้งที่ผ่านมาส่วนตัวยื่นเรื่องตรวจสอบไปทั้งหมด 10 เรื่อง อยู่ที่จเรตํารวจแห่งชาติทั้งหมด 9 เรื่อง ขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนแม้แต่เรื่องเดียว วันนี้จึงมายื่นเรื่องเพิ่มอีก แต่หากว่ายังไม่มีการดําเนินการ
“จะเอาป้ายมาติดที่หน้าสํานักงานตำรวจแห่งชาติเลย จะเอารายชื่อมาติดพร้อมกับสเตทเมนท์ พร้อมกับรายละเอียดที่เกี่ยวกับเรื่องของบัญชีม้า ที่เกี่ยวข้องกับการรับส่วยของกองบัญชาการตํารวจไซเบอร์ อยากให้ผู้ช่วยผบ.ตร. ทําความจริงให้ปรากฏ และเชื่อว่าสามารถที่จะขยายผลได้ว่าเงิน 660 ล้านบาทโอนมาจากใคร แล้วก็โอนต่อไปยังใคร ซึ่งตำรวจสามารถพิสูจน์ได้อยู่แล้ว” นายอัจฉริยะ กล่าว
Advertisement