วันที่ 8 ก.พ. 68 พล.ร.ท.สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค3 (ศรชล.ภาค3) ได้สั่งการให้ เรือต.271 และ เรือต.274 ควบคุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา 1 ลำ และเรือหางยาวท้องลึก 3 เครื่องยนต์ สัญชาติเมียนมา 1 ลำ รวม 2 ลำ พร้อมลูกเรือ และไต้ก๋งเรือรวม 13 คน ภายหลังรุกน่านน้ำไทย และจอดลอยลำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะค้างคาวประมาณ 8 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ทะเลอาณาเขตของ จ.ระนอง เข้ามาท่าเทียบเรือน้ำลึก จ.ระนอง เมื่อเวลา 02.00 น.
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. 68 ศปก.ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากเรือประมงในพื้นที่ จ.พังงา ได้ตรวรพบเรือประมงไม่ทราบสัญชาติในน่านน้ำ รอยต่อจ.พังงา และจ.ระนองจึงจัดกำลังเข้าตรวจสอบเรือเป้าหมาย ประกอบด้วย เรือต.271 เรือต.274 เรือศรชล.4015 และเรือตรวจประมงทะเล 206 เข้าตรวจสอบเรือประมงไม่ทราบสัญชาติดังกล่าว พร้อมขอรับสนับสนุน บ.ตช.1(T-337) จากทรภ.3 บินตรวจสอบเป้าหมายทันที จนสามารถตรวจพบเรือประมงลำดังกล่าวในทะเลระนอง ห่างจากเกาะค้างคาวประมาณ 8 ไมล์ทะเล
โดยเรือต.271 ได้ส่งชุดปฎิบัติการเข้าทำการเรียกตรวจสอบทันที พบลูกเรือทั้งหมดเป็นชาวเมียนมา 7 คน ได้ทำการตรวจค้นตัวและยึดโทรศัพท์มือถือตรวจสอบ ส่วนไต๋เรือไม่มีเอกสารการเดินเรือมาสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ ในขณะตรวจสอบ และแล่นเรือในน่านน้ำไทย โดยไม่ชักธงกาบเรือ มีการทาสีเรือใหม่ ไม่มีชื่อเรือ ตรวจสอบภายในเรือไม่พบเครื่องมือทำการประมงแต่อย่างใด ใต้ท้องเรือก็ว่างเปล่า ซึ่งล้วนสร้างข้อสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่ว่าเรือลำนี้เข้ามาในเขตน่านน้ำไทย เพื่ออะไร หรือกระทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ยังควบคุมเรือหางยาวท้องลึก 3 เครื่องยนต์ที่กำลังเข้ามาเทียบเรือประมง โดยมีลูกเรือ 6 คน สัญชาติเมียนมา 5 คน และเป็นคนไทย 1 คน ภูมิลำเนาเกาะสินไห อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นนายท้ายเรือบรรทุกถังน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลขนาด 200 ลิตร จำนวน 8 ถัง ซึ่งไม่ผ่านพิธีทางศุลกากรเข้ามาส่งให้เรือประมงลำดังกล่าว รวมลูกเรือทั้งหมด 13 คน สัญชาติเมียนมา 12 คน สัญชาติไทย 1 คน
เมื่อเช้าที่ผ่านมาศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดระนอง และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระนอง ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 สถานีตำรวจภูธรปากน้ำระนอง ตรวจคนเข้าเมืองระนอง สถานีตำรวจน้ำระนอง สำนักงานเจ้าท่าระนองด่านศุลกากรระนอง ด่านตรวจประมงระนอง สรรพสามิตระนอง และป้องกันจังหวัดระนอง เข้าร่วมตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นทำการแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 5 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย ข้อหานำเรือรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย,ไม่มีเอกสารใบอนุญาติใช้เรือแสดงต่อเจ้าหน้าที่,ไม่มีเอกสารคนประจำเรือแสดงต่อเจ้าหน้าที่,นำเรือไม่แสดงธงสัญชาติเข้ามาในราชอาณาจักร และข้อหาลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง (ดีเซล) จำนวน 1,600 ลิตร นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีศุลกากร และทำการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลเชิงลึกต่อไป
น.อ.พรพรหม สกุลเต็ม รองผอ.ศรชล.จว.รน. ให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมเรือทั้ง 2 ลำเป็นการปฎิบัติหน้าที่ เพื่อรักษาอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งน่านน้ำของประเทศนั้นๆ จะเป็นสิทธิ์และอธิปไตยของแต่ละประเทศ จุดที่เข้าควบคุมของห่างจากเกาะค้างคาวประมาณ 8 ไมล์ทะเล เป็นอาณาเขตของพื้นที่ จ.ระนองที่มีอำนาจอธิปไตย 100%
ส่วนการจับกุมเราได้รับแจ้งจากเครือข่ายประมงว่า พบเรือไม่ทราบสัญชาติ ก่อนแจ้งให้ศรชล.ภาค3 เข้าทำการตรวจสอบ เพื่อป้องกันการลักลอบนำคนเข้าเมือง หรือการลักลอบในเรื่องของสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงป้องกันการลักลอบเอาทรัพยากรทางทะเลของบ้านเรา
ยืนยันเป็นการปฎิบัติหน้าที่ไปตามอำนาจหน้าที่ของ ศรชล.ภาค3 เราลาดตระเวนพบจึงทำการจับกุมเป็นหลักสากลที่กองทัพเรือทุกประเทศต้องปฎิบัติการ ตรวจค้นเรือครั้งนี้เจอน้ำมัน เพื่อมาเติมให้กับเรือประมง และมีผู้ต้องหาสัญชาติเมียนมาจำนวน 12 คน สัญชาติไทย 1 คน ส่วนในเรือประมงไม่มีเครื่องมือทำการประมงสิ่ งนี้ต้องสอบขยายผลในเชิงลึกต่อไปว่าทำไมเรือลำนี้ถึงไม่มีเครื่องมือทำการประมง
Advertisement