วันที่ 12 ก.พ. 68 กัน จอมพลัง พาผู้เสียหายออกรายการโหนกระแส แฉวีรกรรมแก๊งน้ำซุปทะลุถุงเพิ่ม โดยแต่ละรายถูกรังแกมาปีกว่าไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวว่านายพีมจะมาทำร้าย ขู่ว่าถ้าแจ้งความจะตามไปตบที่โรงพักและเสียค่าปรับใหม่อีก
รายแรกคือเฟิร์น เปิดเผยว่ารู้จักกับ นายโอชิ และริน จากร้านเหล้า หลังจากนั้นก็มีความสนิทสนมกัน ไปเที่ยวห้องของเพื่อนรุ่นพี่อีกคนที่ชื่อจัสมิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ตนเองถูกทำร้ายครั้งแรกเพราะตนเองถ่ายคลิปห้องดังกล่าวลงติ๊กต็อก ต่อมาได้มีผู้ชายมาคอมเมนต์ว่าวิวห้องคุ้น ทำให้เจ้าของห้องที่ชื่อจัสมินเกิดเขม่น และในเวลาต่อมาช่วงประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย.66 กลุ่มโอชิ ได้ตามมาดักรอถึงที่พักพร้อมพาพวกมากว่าสิบคนมาทำร้าย ซึ่งตนเองได้หลบไปที่บันไดหนีไฟชั้น 8 แต่คนกลุ่มนั้นก็ตามไปรุมกระทืบถึงชั้น 8 ตนเองอยู่คนเดียวไม่สามารถตอบโต้ได้ และในวันเดียวกันตนเองได้มาไลฟ์สด และหลังเกิดเหตุยังมีคนในกลุ่มทักมาเยาะเย้ยถามว่ากินยาหรือยัง
เฟิร์น เล่าต่อว่า ถูกทำร้ายที่ 2 หลังจากนั้นผ่านไป 5-7 วัน ร้านแถว ม.รังสิตจัดปาร์ตี้ชุดนักเรียน ตนเองก็ไปและไปเจอกับจัสมิน หนึ่งในคนที่มาทำร้าย เข้ามาทักทายแต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ต่อมาอีก 2 วันตนเองก็ไปปาร์ตี้ชุดนักเรียนร้านข้าง ม.กรุงเทพ หลังจากไปเที่ยวก็ได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งและได้เจอกับกลุ่มคู่กรณี ตนเองพยายามจะเดิน แต่สะดุดล้มทำให้กลุ่มคู่กรณีพาตัวเองไปที่ปั๊มและพยายามสอบถามว่าได้มีการพูดถึงตนเองในไลฟ์สดหรือไม่และรุมทำร้ายตนเอง
เฟิร์น เปิดเผยอีกว่า หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ตนเองถูกทำร้ายครั้งที่ 3 ตนเองได้ชวนรุ่นน้องมัธยมไปร้านเหล้า ย่านคลองหก โดยไม่ทราบว่ารุ่นน้องคนดังกล่าวเป็นนกต่อให้กับกลุ่มคู่กรณี พอตนไปถึงที่ร้าน รุ่นน้องคนดังกล่าวโทรศัพท์มาบอกว่าถึงแล้วให้ออกไปรับข้างหน้า พอไปถึงเจอ รินกับโอชิ และถูกกลุ่มคู่กรณีบริเวณทางเปลี่ยวซึ่งมีป่าหญ้า และรุมทำร้ายอย่างรุนแรง ทั้งตบทั้งกระทืบไปที่ใบหน้า รวมทั้งถอดเสื้อเอาสายกระเป๋าฟาดหน้าและคล้องคอ ซึ่งในวันดังกล่าวมีการถ่ายคลิปและนายโอชิถ่าย ขณะทำร้ายลงใน stories ไอจี
ทั้งนี้หลังจากถูกทำร้าย ตนเองไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะนายโอชิ มีการข่มขู่ว่าเป็นลูกหลานอัยการ และในปัจจุบันนายโอชิ ก็กำลังเรียนกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างดำเนินรายการได้มีทางผู้เสียหาย ติดต่อมาว่าถูกเฟิร์นทำร้ายร่างกายจนสาหัส และต้องพบจิตแพทย์เพราะป่วยซึมเศร้า ซึ่งตอนนี้คดีดังกล่าวยังอยู่ในชั้นอัยการ ก่อนที่ เฟิร์น จะยอมรับว่าทำร้ายร่างกายและมีคดีความจริง
ส่วนเมล หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่าถูกแก๊งพีม -โอชิ บังคับให้กราบเท้า วันเกิดเหตุ มีพีม อุ้มบุญ พิมเจล และผู้ชายอีก 2 คน ไปหาตนเองถึงที่พัก โดย อุ้มบุญ ได้โทรศัพท์มาหาตนเอง บังคับให้ลงไปหาเพื่อเคลียร์ โดยอ้างว่าตนไปด่าว่าไม่ตรงปก และบังคับให้กราบเท้าถึงจะไม่เอาเรื่อง มีการโต้เถียงกันนาน จนตนเองยกมือไหว้ขอโทษและถ่ายคลิปบังคับให้กราบ ตนเองจึงถามว่าจบหรือไม่ แต่กลุ่มพีมบอกว่าไม่จบ ถ้าอารมณ์ไม่ดีอีกก็จะกลับมาทำร้ายอีก ส่วนจุดเริ่มต้นของการทำร้ายเพราะไม่ชอบหน้า
ด้านพิมพ์พลอย เล่าว่า ตนเองอายุเท่ากับนายพีม แต่ถูกนายพีมบังคับให้เรียกพี่ ซึ่งนายพีมไปชอบเพื่อนในกลุ่มของตนเอง ตอนนั้นนายพีมยังแต่งหญิง และในเวลาต่อมานายพีมเกิดความไม่พอใจที่ตนเองไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วย และวันเกิดเหตุตนเองไปกินข้าว ร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นร้านเดียวที่แอนดริวถูกน้ำร้อนลวก นายพีมได้เดินมาพร้อมถามว่าสวยนักเหรอ อ้างว่าตนเอง ขโมยเซรั่มของนายพีมไป บังคับให้ตนเองชดใช้เงิน แล้วทีนี้หลังจากกินข้าวเสร็จกลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีนายพีมและจัสมิน ก็รุมกระทืบตนเอง และมีความพยายามที่จะตัดผมตนเอง แต่คู่กรณีหากรรไกรไม่เจอ จึงใช้วิธีการถอนผมแทน หลังจากนั้นนายพีม ก็ให้ทางเลือกว่าจะกราบเท้า หรือออกจากมหาวิทยาลัย ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนเองก็ไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะถูกขู่ว่าถ้าไปแจ้งความจะตามไปตบ สน. และสาเหตุที่ถูกตบเพราะตนเองไปทานข้าวกับผู้ชายที่นายพีมชอบ
ขณะที่ กัน จอมพลัง เปิดเผยว่าการมาออกรายการครั้งนี้ ไม่ใช่การฟอกขาวให้ใคร เพราะมองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกรณีเฟิร์นเป็นคนละบริบทกัน การที่เฟิร์นไปทำร้ายคนอื่น ก็ต้องรับผิดชอบ ขณะเดียวกันการที่เฟิร์นถูกทำร้ายก็ต้องดำเนินการแจ้งความเล่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงกรณีตำรวจพบบุหรี่ไฟฟ้าหลายร้อยชิ้น ซึ่งเป็นของนายพีม ว่า กรณีนี้ตำรวจได้ข้อมูลจากนิติบุคคลที่พักของนายพีมว่ามีสิ่งของส่งมาให้นายพีม ซึ่งสิ่งของดังกล่าวก็คือบุหรี่ไฟฟ้า เบื้องต้นตำรวจเตรียมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอยู่แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินใน บัญชีธนาคาร
ส่วนกรณีของผู้เสียหายอีก 1 คน ที่เดินทางมาออกรายการโทรทัศน์ในวันนี้นั้น คือเฟิร์น หรือ เปา กัน จอมพลัง เผยว่า เป็นคนละกรณีกัน ในส่วนแรกเป็นกรณีของผู้ถูกกระทำ ที่ฝั่งของนายพีมเข้ามาทำร้ายร่างกาย ก็จะดำเนินคดีในส่วนนี้ต่อ ส่วนที่สองคือไปทำร้ายร่างกายคนอื่น ตนเองได้บอกไปแล้วว่าต้องไปเยียวยาผู้เสียหายรายนั้นด้วย เพราะถ้าพลาดแล้วต้องมีสำนึก ซึ่งจะต้องดำเนินการควบคู่กันไปทั้งสองกรณี.
ขอบคุณรายการโหนกระแส
Advertisement