วันที่ 13 ก.พ. 68 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นาง พนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา นักแสดงสาวชื่อดัง พร้อมด้วยนาย เดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ทนายความ เดินทางมาสืบพยานต่อเนื่อง ในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ดาราสาวที่ตกท้ายเรือ โดยวันนี้ศาลนัดสืบพยานในส่วนของนายภีม หรือ เอ็ม ธรรมธีรศรี เป็นปากสุดท้าย
ทั้งนี้นางพนิดา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เดินทางไปเข้าพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังจากที่ดีเอสไอได้รับโทรศัพท์จากบังแจ็คว่า ที่แม่ไปดีเอสไอไม่เกี่ยวกับบังแจ็คโดยสิ้นเชิง แต่เวลามันได้กัน เพราะว่าโทรศัพท์ที่ พ.อ.นพ. ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ ไปรับโทรศัพท์มาจากบังแจ็ค ตนก็ตัดสินใจว่าจะต้องไปดีเอสไอ มันก็เลยประจวบเหมาะ ในส่วนของตนก็ได้ให้ปากคำอย่างละเอียดเหมือนกับการสัมภาษณ์ครั้งแรก เหมือนเดิมเป๊ะ แต่ละเอียดกว่าเยอะ แต่ก็ยังไม่ถึงไหน
เมื่อถามว่า ดีเอสไอมีการสอบเพิ่มกรณีไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นางพนิดา กล่าวว่า ยังไม่มี ยังแค่ต้นๆว่ากระติกชวนน้องไปลงเรือแค่นี้เอง เพิ่งสอบได้แค่นี้เอง ตอนนี้ดีเอสไอไม่ได้นัดอีก อยู่ที่ตนสะดวกก็สามารถเข้าไปคุยกับท่านได้เลย
เมื่อถามว่า หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากบังแจ็คต่อ พบข้อมูลอะไรใหม่ที่เป็นหลักฐานสามารถนำสู่การรื้อคดีได้หรือไม่ นางพนิดา กล่าวว่า คุณแม่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทีมโน้นเลยเลย ไม่ทราบ ซึ่งไม่เคยทำงานประสานร่วมกัน เพราะคุณแม่ตัดสินใจเองว่าจะไปดีเอสไอ ตนก็มุ่งไปเลย ไม่ได้ไปคิดถึงหน่วยงานอื่นเลย
เมื่อถามว่า ทำไมแม่ถึงเดินทางไปให้ข้อมูลกับดีเอสไอ นางพนิดา กล่าวว่า ท่านเป็นข้าราชการก็ดีกว่าไหม ดีกว่าที่เราจะไปที่อื่นไม่อยากเอ่ยชื่อ เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าแม่เชื่อมั่นในดีเอสไอมากกว่าหน่วยงานอื่น นางพนิดา กล่าวว่า ใช่เพราะว่าดีเอสไอได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าเขาทำงานละเอียด เก่ง แล้วก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
เมื่อถามว่า แม่มีในใจหรือไม่ว่าผลต้องออกมาประมาณยังไง นางพนิดา กล่าวว่า สิ่งแรกเลยแม่ให้สัมภาษณ์ แม่โดนดุแน่นอน เพราะมีคนขอให้คุณแม่ยังไม่ให้สัมภาษณ์ได้ไหม แต่ตนก็จะพูดเท่าที่พูดได้ว่า สิ่งที่คาดหวังคือน้องแตงโมต้องได้รับความยุติธรรมจากคดีนี้ ต้องไม่ตายฟรีแน่นอน
เมื่อถามว่า คุณแม่เชื่อว่าจะมีการรื้อคดีอีกรอบหรือไม่ นางพนิดา กล่าวว่า ใช่ๆเพราะเขาก็ละเอียดก็ต้องรื้อคดี ถ้าไม่รื้อมันก็ต้องรื้อ และหาสิ่งใหม่ๆ ที่ทางดีเอสไอยังไม่เคยทราบ ของใหม่ๆ เช่นไปวัดค้างคาว ซึ่งที่นี้พี่เต้ไปมาแล้ว เพราะพี่เต้ชอบลุยเดี่ยว พี่เต้บอกว่ากลิ่นคาวเลือดหึงเลย ตอนนี้ก็ถึงคิวคนอื่นไปบ้าง เขาก็อยากไปดูกันว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ดีเอสไอได้แจ้งหรือไม่ว่า จะเริ่มรื้อคดีเมื่อไหร่ นางพนิดา กล่าวว่า กำลังรื้อ เลยค่ะ มีคนไม่ชอบให้แม่พูดกับนักข่าว ไม่ให้คุณแม่บอกข่าว แม่ก็รำคาญ เพราะว่าเราทำงานด้านนี้มาด้วย เราก็รู้อะไรเป็นอะไร พูดอะไรแล้วเสียหาย พูดอะไรแล้วไม่เสียหาย ตนรู้แต่ชอบมีคนมาห้าม แม่ก็รำคาญเหมือนกัน แต่ตนก็อยากจะพูด อยากจะเล่าให้ฟัง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาแม่ได้ไปพูดคุยกับพี่เต้บ้างหรือไม่ นางพนิดา พยักหน้าก่อนกล่าวว่า พี่เต้เป็นนักบู๊ พี่เต้เสียงดังฟังชัด ไปดีเอสไอมาแล้ว ซึ่งตนได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกันในเรื่องคดีจริง ซึ่งพี่เต้ตั้งแต่เริ่มเขาเห็นเป็นการฆาตกรรม เพราะฉะนั้นเราเห็นตรงกันก็คุยกันได้ ถ้าเราเห็นไม่ตรงกันก็คุยกันไม่ได้แน่
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้างจนถึงวันนี้เป็นวันรับสืบพยานครั้งสุดท้ายแล้ว นางพนิดา กล่าวว่า ก็อยากให้คนในทีมที่เป็นกุนซือมาโดนศาลสอบ เพราะอะไรถึงได้แนะนำ 5 คนแบบนั้น เมื่อถามว่า ผ่านมา 3 ปีแล้ว ครั้งนี้เป็นการนัดสืบพยาน และอาจจะมีการตัดสินมองอย่างไร เชื่อว่าลูกจะได้รับความยุติธรรมหรือไม่ นางพนิดา กล่าวว่า อีกสองเดือนจะมีการตัดสินที่ศาลนนทบุรี เพราะที่ผ่านมามีการสอบปากคำสอบไปเยอะมาก เช่น บางคนโดนสอบปากคำนาน 8 ชั่วโมง และท่านผู้ฟังก็ต้องนั่งฟัง 8 ชั่วโมงท่านที่โดนสอบไป 8 ชั่วโมงก็ต้องมีหนาว และสอบสองวันติดกันด้วย
ขณะที่ทนายเดชา กล่าวว่า ผ่านมา 3 ปีคุณ แม่ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไรเป็นพิเศษ เพราะเชื่อมั่นในการพิจารณาคดีของศาล ศาลตัดสินอย่างไรก็เป็นตามนั้น หากแพ้ก็อุทธรณ์ หากชนะก็ว่ากันไปตามกติกา ซึ่งตอนนี้ยังเป็นศาลชั้นต้น ยังมีศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาอีก คุณแม่ปล่อยวางแล้ว ส่วนจะเป็นเรื่องการฆาตกรรมหรือไม่นั้นยังพูดในศาลไม่ได้ เพราะที่ศาลวันนี้เป็นเรื่องการฟ้องเรื่องการประมาท เนื่องจากพนักงานอัยการฟ้องเรื่องประมาท ถ้าเราไปบอกฆาตกรรมจะกลายเป็นคนละเรื่อง ไปก็ต้องเชื่อตามที่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง เฉพาะคดีที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ส่วนเรื่องการฆาตกรรมก็เป็นเรื่องของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่มีคดีที่ดีเอสไอนั้น เป็นอีกสำนวนหนึ่ง ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับคดีในวันนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องว่าประมาทหรือไม่แค่นั้น
ส่วนเรื่องโทรศัพท์ของแตงโมพบหลักฐานอะไรใหม่หรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า โทรศัพท์ของแตงโมกับข้อมูลในสำนวนเป็นชุดเดียวกันในสำนวนมีอยู่ครบแล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลก็จะเหมือนกันทุกอย่าง ซึ่งวันนี้น่าจะมีการสืบพยานจบ และศาลนัดมาฟังคำพิพากษา น่าจะใช้เวลาประมาณสองเดือนครึ่งคือประมาณเดือนประมาณพฤษภาคม
เมื่อถามว่า คิดว่าในมือถือแตงโมมีหลักฐานใหม่บ้างหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า หลักฐานในโทรศัพท์ชุดพนักงานสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 เขาก็ได้ทำการตรวจสอบหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นภาพเก่าของแตงโม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคดี ก็คือภาพเฉพาะบนเรือที่มีไม่กี่ภาพ ซึ่งก็ไม่ได้พิสูจน์อะไรว่าใครทำอะไรอย่างใด คงไม่มีใครบันทึกคลิประหว่างการทำร้ายกัน เพื่อมัดตัวเอง ซึ่งยืนยันได้ว่าในมือถือแตงโมไม่มีคลิปขณะทำร้ายร่างกาย ขณะตกเรือ หรือขณะใครกำลังทำอะไร ยืนยันว่าไม่มี และเชื่อว่าไม่มีใครโง่ขนาดนั้นที่จะบันทึก เพราะรับสารภาพเขายังไม่รับเลย
ส่วนเรื่องการโทรเข้าโทรออกนั้นก็ไม่ได้พิสูจน์อะไร เพราะเป็นการโทรหาเพื่อน ต่างคนต่างโทรก่อนเกิดเหตุหลังเกิดเหตุไ ม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ซึ่งไม่มีการพิสูจน์ได้ว่าใครมาสั่งฆ่า หรืออะไร แต่นายอัจฉริยะอาจจะมีหลักฐานพิเศษอะไรต่างๆ ซึ่งตนก็ไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ และยืนยันว่าภาพที่ส่งมาให้ศาลไม่มีการตัดต่อ เพราะผ่านการตรวจจากพิสูจน์หลักฐานหมดแล้ว ส่วนที่ได้มาจากบังแจ็คชุดใหม่จะเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามคุณแม่ยืนยันว่า โทรศัพท์ที่ให้บังแจ็คไป และที่บังแจ็คให้กลับคืนมานั้นเป็นเครื่องเดียวกัน
Advertisement