จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ไอรดา หรือ น้องไอ อายุ 22 ปี เด็กเอนเตอร์เทนที่ถูกนายดูยิง วู ชายชาวจีน ชวนอัพยาจนเสียชีวิตในโรงแรมนั้น
ล่าสุดวันที่ 17 ก.พ. 68 รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวถึงการเสียชีวิตของน้องไอรดาว่า หากได้ดูหลักฐานที่เจอในห้องที่เกิดเหตุ จะเห็นสารเสพติดที่เรียกว่า แฮปปี้วอเตอร์ และเคตามีน ซึ่งต้องบอกว่าสารเสพติดแฮปปี้วอเตอร์นั้นเป็นสารที่ตอนนี้ชาวจีนใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยแฮปปี้วอเตอร์เท่าที่ทราบมีสารเสพที่ผสมกันอยู่ทั้งหมด 8 ตัว แยกเป็นสารที่มีฤทธิ์กดประสาท 4 ตัว และกระตุ้นประสาท 4 ตัว โดยทั้ง 8 ตัวนี้จะมียาเสียสาวอยู่ในนั้นด้วย
สารเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ต้องบอกว่าเป็นที่อันตรายมาก หากทานควบคู่กันไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะอันตรายหนักกว่าเดิม เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเป็นตัวนำให้สารเสพติดเหล่านี้ไหลผ่านเข้าสู่เลือดได้เร็วยิ่งขึ้น จนถึงขั้นระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ตามผลชันสูตรเบื้องต้นที่แพทย์ลงความเห็นเอาไว้
ส่วนผลการชันสูตรที่ยังไม่ปรากฎเรื่องสารเสพติด เพราะต้องรอผลการตรวจเลือดออกก่อน ซึ่งผลสารเสพติดจะสามารถตรวจได้อีกแบบคือจากโคนเส้นผม แต่ด้วยความที่ศพน้องเผาไปแล้วจึงไม่เหลือไว้ให้นำไปตรวจอีก ดังนั้นต้องรอผลตรวจเลือดจากแพทย์นิติเวชออกก่อนถึงจะทราบได้ว่าพบสารเสพติดไปร่างของผู้เสียชีวิตหรือไม่
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากฟังจากญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่บอกว่าน้องไม่ได้มีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ก็มีความเป็นไปได้ว่าก่อนที่น้องจะเสียชีวิต น้องอาจจะถูกบังคับให้เสพยาเสพติด พอเจอสารเสพติดที่รุนแรงก็อาจจะทำให้น้องช็อกจนเสียชีวิตได้
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังค์ประไพ อดีต รอง ผบช.น. เปิดเผยต่อว่า ส่วนประเด็นเรื่องที่ตำรวจได้มีการพูดคุยกับญาติในลักษณะที่เป็นตัวกลางในการเจรจาเรื่องเยียวยาค่าเสียหาย จนถูกสังคมวิจารณ์ว่าตำรวจทำไมถึงทำตัวเหมือนช่วยผู้ต้องหา ประเด็นนี้มองได้ 2 มุม หากคิดในทางที่ดีก็ถือว่ามีคนกลางเจรจาในเรื่องค่าเยียวยา เปรียบเทียบเหมือนกับคดีรถชน ที่ทำความผิดแล้วต้องชดใช้ แต่ก็สามารถมองได้อีกมุมว่ามีพฤติกรรมไปช่วยเหลือผู้กระทำความผิด เนื่องจากได้มีการอ้างกับญาติว่าน้องผู้เสียชีวิตมีพฤติกรรมไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย ตรงนี้ทางตำรวจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด หากมีความผิดก็อาจจะเข้าข่ายกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้
ในตอนนี้ตัวของชาวจีนได้มีการหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว จะถือว่าทางตำรวจทำงานช้าเกินไปหรือไม่ ทางผู้การแต้ม บอกว่า หากมองว่าทำงานช้าก็พูดได้ แต่การจะรวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับได้ก็ต้องใช้เวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งระหว่างรวบรวมหลักฐานตำรวจก็สามารถส่งข้อมูลให้กับทางตำรวจ ตม.ได้ว่าห้ามบุคคลดังกล่าวออกนอกประเทศ
ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิต และพี่สาวของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตอนนี้อยากให้ตำรวจดำเนินการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยต้องการเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ลูกสาวตนเสียชีวิต พร้อมกับชดใช้ค่าเสียหาย แม้ว่าเงินจะชดใช้หรือเปรียบเทียบกับชีวิตคนหนึ่งคนไม่ได้ แต่เมื่อเขาเสียชีวิตแล้ว คุณก็ต้องรับผิดชอบ
หลังจากนี้ก็ขอทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดของลูกสาวคืน เพราะตนไปถามแล้ว ทราบว่าทรัพย์สินดังกล่าวอยู่กับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งตอนนี้แม่ไม่ไว้ใจการทำงานของตำรวจแล้ว
ส่วนเรื่องที่ตำรวจให้รับเงิน และบอกข้อมูลว่าลูกสาวอัพยาหนักมาก ไม่อยากเอาเรื่องอะไร แต่ขอให้ตำรวจมาขอโทษ เพราะมันไม่เป็นความจริง เนื่องจากลูกสาวเพิ่งจะเคยอัพยาและรับงานแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่ถ้าตำรวจจะดำเนินการเอาผิดทางวินัยก็เป็นเรื่องของกฏระเบียบของที่จะดำเนินการ
แม่และพี่สาวผู้เสียชีวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ติดใจประเด็นเรื่องเพื่อน 4 คน ที่ตำรวจบอกว่าเป็นพยานให้ข้อมูลว่าลูกสาวมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดหนักมาก เพื่อนห้ามก็ไม่ฟัง จนทำให้ทางครอบครัวเข้าใจผิด และลูกสาวได้รับความเสียหาย โดยตอนนั้นอยู่ในอาการเศร้าเสียใจ จึงไม่ได้ถามข้อมูลอย่างละเอียดว่า เพื่อนลูกสาว 4 คนที่มาให้ข้อมูล เป็นใครมาจากไหน จึงอยากให้ตำรวจเปิดเผยข้อมูลเพื่อนลูกสาวทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลขัดแย้งกันทั้งหมด
เบื้องต้นครอบครัวรู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะได้ฟังข้อมูลจากรุ่นพี่ที่ทำงานบริษัทเดียวกัน และคนช่วยสกรีนงาน บอกว่า ลูกสาวเพิ่งจะเริ่มรับงานวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยรับงานที่เป็น N/V อัพ ครั้งแรก ไม่เคยเสพยามาก่อน ซึ่งตอนนี้ข้อมูลขัดแย้งกับที่ตำรวจบอกทั้งหมด
Advertisement