เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึงผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 แถลงตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งหลอกข้าราชการบำนาญอ้างช่วยเหลือรับเงินบำเหน็จดำรงชีพ สุดท้ายลวงติดตั้งแอปดูดเงิน สูญกว่า 5 แสนบาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.68 ได้มีสามีของผู้เสียหายวัย 66 ปี ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการSeniors' Community Cyber Police และได้ร่วมรับฟังบรรยายจาก ผบช.สอท. โดยได้ขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน จนสูญเงินกว่า 540,000 บาท โดยภรรยาวัย 66 ปี ได้รับโทรศัพท์ซึ่งโทรมาที่เครื่องของสามี โดยปลายสายเป็นหญิงแจ้งว่าเป็นอาจารย์ อ้างว่าสามีของตนยังไม่ได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพจากกองคลังของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง และจะช่วยลงทะเบียนให้เพื่อให้ได้รับเงินบำเหน็จก้อนนี้ ผู้เสียหายจึงอาสาทำแทนสามี จึงได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายได้ส่งลิงก์มาทาง SMS ให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ ชื่อ “กองบริหารการคลัง”
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้ายแถวที่ 1 จำนวน 1 ครั้ง ชื่อบัญชี นายภูวนัยฯ เป็นจำนวนเงิน 540,000 บาทและมีบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากผู้เสียหายอีกหลายบัญชี น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
ทั้งนี้ วันที่ 20 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุม นายภูวนัย อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เกิดยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน
โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อกิจการของตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น" โดยควบคุมตัวได้บริเวณริมถนนเทศบาล 7 หมู่ 3 ต.โพทะเล อ.โพทะเล จ.พิจิตร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การว่าเมื่อช่วงต้นปี 2567 ได้รับการชักชวนจากเพื่อนแถวบ้านให้ไปเปิดบัญชีเพื่อให้เว็บพนัน เจ้าตัวได้ตกลงไปเปิดบัญชีที่ กทม. และ สระแก้ว รวม 6-7 บัญชี ได้รับค่าจ้างบัญชีละ 500-1,000 บาท
สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับอีกรายของเครือข่ายดังกล่าว คือ น.ส.เด่นณภาฯ พบว่าถูกจับกุมในพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน โดยได้หลอกลวงเงินผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดสุรินทร์
Advertisement