กองปราบหอบสำนวน คดีสจ.โต้ง เกือบ 8,000หน้า ส่งอัยการ
กองปราบหอบสำนวน คดีสจ.โต้ง เกือบ 8,000หน้า หลังสอบพยาน 130 ปาก ส่งอัยการ มั่นใจในพยานหลักฐาน เอาผิด โกทร-แก๊งมือปืนได้หมดแน่นอน
วันที่ 25 ก.พ. 68 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และเอกสารจำนวน 18 แฟ้มกว่า 7,900 หน้า และได้มีการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องถึง 130 ปาก มีผู้กล่าวโทษ 2 คนคือ น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของ สจ.โต้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1. นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร อายุ 85 ปี
2. นายธนศรัณย์กรณ์ หรือ กอล์ฟ อายุ 32 ปี
3.นายศักดิ์สิทธิ์ หรือ ตูน อายุ 34 ปี
4.นายธนภัทร อายุ 18 ปี
5.นายสิทธิชัย อายุ 41 ปี
6. นายภัทรนนท์ อายุ 38 ปี
7. นายอภิสิทธิ์ อายุ 34 ปี
8.น.ส.มินญารัตน์ หรือ เมย์ ภรรยาของนายธนศรัณย์กรณ์
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางกองบังคับการปราบปรามตำรวจภูธรปราจีนบุรีและตำรวจภูธรภาค 2 รวมถึงกองพิสูจน์หลักฐานของปราจีนบุรี ได้ร่วมกันสืบสวนและตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์พบหลักฐานที่สำคัญ ทั้งพยานบุคคลและ หลักฐานพยานวัตถุ ที่สามารถยืนยันการกระทำความผิดของผู้ต้องหาได้
ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 พบว่าก่อนเกิดเหตุ เป็นคนรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ตายที่อยู่นอกบ้าน ให้ผู้ต้องหาที่ 1-7 ทราบ ที่รอก่อเหตุอยู่ในบ้าน จึงเข้าหลักเกณฑ์ของการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยในทางคดีมีหลักฐานว่าผู้ต้องหาที่ 1-7 ร่วมกันวางแผนก่อเหตุ เหตุจูงใจหลักๆเป็นการขัดแย้งทางการเมือง ในขณะนี้เหลืออีก 1 ฝากจะครบกำหนด 6 มี.ค. นี้ ซึ่งหากทางอัยการตรวจสอบแล้วให้มีการสืบสวนเพิ่มก็จะทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
ในส่วนผู้ต้องหา 1-7 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำเรื่องโอนย้ายตัวผู้ต้องหามาฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 อยู่ในการควบคุมของทัณฑสถานหญิงกลาง
สำหรับตัวของ นายสุนทร หรือ โกทร และ ลกสมุนกลุ่มมือปืน 7 คนแรก ที่ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุจะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและยุทธภัณฑ์ (เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร” ส่วน น.ส.มินญารัตน์ หรือ เมย์ ผู้ต้องหารายสุดท้าย ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติม และถูกจับกุมในภายหลังเพียงรายเดียว ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “สนับสนุนช่วยเหลือบุคคลอื่นให้กระทำความผิด”
ด้านนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เปิดเผยว่า หลังรับสำนวนตนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คน โดยมีรองอธิบดีอัยการ และตนในฐานะอธิบดีอัยการคอยกำกับสำนวน ในส่วนระยะเวลาฝากขังฝากสุดท้าย ทางสำนักงานคดีอาญาจะพิจารณาทำคำสั่งให้ทันเพื่อมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ทางเราต้องสั่งให้ทัน ในส่วนที่ว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ และส่วนของผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตนก็จะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้า และพยานหลักฐานที่ปรากฏ เรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ส่วนแรงกดดันจากภายนอก ตอนนี้ยังไม่มีใครกดดันตนมา อัยการจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย
โดยทางอัยการจะดูเนื้อหาว่าคดีมีพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานการส่งสำนวนคดีอาญาของคดีนี้เข้ามา ซึ่งแม้ไม่มีพนักงานอัยการเข้าไปร่วมสอบสวนและถึงจะมีคนดังก็ต้องว่าไปตามสำนวนการสอบสวน ส่วนไหนที่ไม่ชัดเจน จะมีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนการสั่งสอบสวนเพิ่มจะต้องทำให้ทันภายในระยะเวลากรอบฝากขังเท่านั้น
ขณะที่อัยการจะต้องเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คดีนี้มีการฝากขังผู้ต้องหาที่อยู่ภายใต้อำนาจศาลอยู่แล้ว ถ้าพนักงานอัยการพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้อง ก็สามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้เลย แต่ต้องให้ทันก่อนวันที่ 6 มี.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดฝากขัง และตนขอยืนยันว่าทางอัยการยืนยันจะพิจารณคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบที่สุดอย่างแน่นอน
Advertisement
