เอาเพื่อนมานี่! "เสี่ยสมพงษ์" ตอบปมประเด็นเสียงปริศนาบนเรือแตงโม
เอาเพื่อนมานี่! "เสี่ยสมพงษ์" ตอบปมประเด็นเสียงปริศนาบนเรือแตงโม เล่าชัด แตงโม นิดา มาดลจิตดลใจให้หาร่างเจอ ก่อนตัดสินใจเอาเรือลงน้ำค้นหาจนเจอ
วันที่ 4 มี.ค. 68 นาย สมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือ เสี่ยสมพงษ์ พยานคนสำคัญอีก 1 คนในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา นักแสดงสาว ซึ่งเป็นพยานที่พบร่างของ แตงโม นิดา เป็นคนแรก เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง เข้าร่วมซักถามข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสี่ยสมพงษ์ เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า วันนี้เดินทางเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไม่ได้มีความกังวลอะไรทั้งสิ้น และตั้งใจจะมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเล็กน้อย ในวันที่นำเรือออกไปจนพบร่างของแตงโม
ส่วนที่มีกระแสสังคมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมถึงจำหน้า แตงโม นิดาได้ทั้งที่สภาพศพได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนั้น ต้องบอกว่าด้วยสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ตอนนั้นที่มีข่าวออกมาว่ามีดาราหญิง คือ แตงโม นิดา ตกน้ำ และในช่วงจังหวะนั้นจะเป็นศพใครไปไม่ได้นอกจากศพของ แตงโม นิดา แล้วมองว่าหากเป็นศพอื่นก็เป็นหนึ่งในล้านที่จะมีความเป็นไปได้ในช่วงเวลานั้น
เสี่ยสมพงษ์ บอกว่า วันที่ตัวเองนำเรือออกไปค้นหาร่าง ไม่ได้เป็นจิตอาสา แต่เป็นแค่พลเมืองคนหนึ่งที่มีเรือที่ตั้งชื่อว่า “สัจธรรม” จึงอยากจะช่วยสังคม เพราะมีอุปกรณ์ครบ และไม่ได้เดือดร้อน แต่การกระทำของตัวเองก็ถูกสังคมโจมตีในทางลบมากกว่าจะชื่นชม
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจนำเรือออกไปค้นหาร่างของ แตงโม นิดานั้น เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคลของตัวเอง ซึ่งวันนั้นตัวเองตื่นตั้งแต่ตีห้าจะเดินไปที่โรงยิม เพื่อไปนั่งสมาธิ โดยช่วงระหว่างที่เดินจากตัวบ้านไปที่โรงยิมจู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่า แตงโม นิดา มาดลจิตดลใจ ตัวเองจึงตั้งจิตถึงแตงโมว่า “ หากคุณอยากจะเจอผม เดี๋ยวผมจะเอาเรือลงน้ำขอให้ผมเจอคุณเร็วๆ”
ระหว่างที่กำลังจะนำเรือลงแม่น้ำ ได้ถามเด็กที่ดูแลบริเวณท่าเรือว่า “ถ้าหันหน้าไปทางอาคารรัฐสภาจะต้องออกไปทางซ้ายหรือขวา” ซึ่งเด็กที่ดูแลท่าเรือบอกว่า “ถ้าเอาไปทางขวาไปไอคอนสยาม ไม่มีทางเจออย่างแน่นอน ต้องไปทางซ้าย ขึ้นไปทางสะพานพระราม 7เฮียเจอแน่นอน” พอออกเรือไปใช้เวลาไม่นานก็เจอร่างของ แตงโม นิดา ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ยืนยันไม่เกี่ยวกับนั่งสมาธิ แล้วตัวเองไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ และนับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่เกิด
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเสียงในคลิป วันเกิดเหตุมีเสียงลักษณะคล้ายกับตนเองพูดว่า “เอาเพื่อนมานั่งนี่” เสี่ยสมพงษ์ หัวเราะก่อนจะลองพูดให้กับผู้สื่อข่าวฟัง ด้วยประโยคเดียวกัน และย้อนถามผู้สื่อข่าวกลับว่าคล้ายหรือไม่ ก่อนบอกต่อว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาใครจะมองตัวเองยังไงก็ตามตัวเองจะไม่ถือโทษโกรธ ไม่ว่าใครจะกล่าวหามองว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ขออโหสิกรรมยกโทษให้ พร้อมกับบอกว่าในสังคมปัจจุบันหากจะกล่าวหาใครควรจะมีเหตุผลและใช้สติปัญญามากกว่านี้
เสี่ยสมพงษ์ ยังพูดถึงประเด็นที่มีข้อสงสัยว่า ตนเองไปจับไปลากร่างของ แตงโม นิดานั้น ยืนยันว่าไม่ได้ทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน แต่ช่วงเวลาที่เจอร่างของ แตงโม นิดา เป็นช่วงที่น้ำกำลังลง ลงกระแสน้ำแรงมาก ตนเองต้องพยายามที่จะรั้งร่างของ แตงโม นิดาไม่ให้เข้าไปถูกใบพัดเรือ และไม่มีการไปจับพลิกร่างของ แตงโม นิดาทั้งนี้ในเรื่องของเชือกต้องบอกว่าเรือทุกลำต้องมีเชือกประจำเรือ และส่วนที่สังคมสงสัยว่าเชือกนั้นเป็นเชือกของเรือตนที่ใช้ผูกร่างของแตงโม ทางอาสาสมัครกู้ภัยร่วมกตัญญูที่ในวันนั้นมี ไทด์ เอกพันธ์ เป็นคนนำทีมออกไปค้นหาได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นเชือกของหนึ่งในเจ้าหน้าที่อาสาสมัครร่วมกตัญญู
ในช่วงท้าย เสี่ยสมพงษ์ ยังบอกว่าสิ่งที่ตั้งข้อสังเกตคือบริเวณศีรษะช่วงท้ายทอยของแตงโม นิดา ตอนที่ตนไปเจอมีลักษณะดินโคลนค่อนข้างใหม่ติดอยู่ สันนิษฐานได้ว่าร่างเพิ่งจะลอยขึ้นมา เพราะหากร่างรอยขึ้นมามานานแล้วดินโคลนที่ติดอยู่บริเวณท้ายทอยจะต้องแห้ง พร้อมย้ำว่าในวันนี้พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ และไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลกี่ครั้งก็ยินดีที่จะเดินทางมาทุกครั้ง
ทั้งนี้ เสี่ยสมพงษ์ ยังขอโทษสื่อมวลชนที่ตอนแรกปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลที่จะเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมบอกว่า 3 ปีก่อนตอนเกิดเรื่อง ภาพที่เผยแพร่ในหน้าสื่อจะเห็นว่าตัวเองมีลักษณะคล้ายไฝอยู่ที่บริเวณคางนั้น จริงๆ แล้วเป็นบาดแผลที่เกิดจากการโกนหนวด และเป็นเลือดคั่ง ลักษณะเป็นสีดำคล้ายไฝ ซึ่งวันนี้ไม่มีจึงอาจจะทำให้สื่อมวลชนสับสน
Advertisement
