วันที่ 13 มี.ค. 68 นางเอ (นามสมมุติ) พร้อมญาติ นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายการแต่งงาน ตนเองกับนายจักรเพชร อดีตรักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง ปัจจุบันตำแหน่งนักวิชาการขนส่งชำนาญการท่าอากาศยาน กับหญิงสาวคนหนึ่งใน อ.สตึก
และข้อความแชตพูดคุยกัน รวมถึงทะเบียนสมรส เพื่อมาร้องเรียนต่อ ผอ.สนามบิน ว่า ฝ่ายชายที่ไปแต่งงานกับหญิงอื่น เป็นสามีของตัวเองที่มีทะเบียนสมรส อยากให้ ผอ. หาทางดำเนินการช่วยเหลือ
แต่กลับถูกผอ.สนามบินดุด่า พร้อมห้ามไม่ให้มีการถ่ายภาพบริเวณสนามบินโดยเด็ดขาด หากนำภาพบริเวณนั้นไปเผยแพร่ จะแจ้งความดำเนินคดีกับคณะที่เดินทางมาร้องเรียน
ต่อมานางเอ และญาติ ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำไว้ที่สภ.สตึก ไว้เป็นหลักฐานว่า ต้องการมาตามหาสามี ให้กลับมาคืนดีกับครอบครัว ซึ่งมีลูกด้วยกัน 3 คน ไม่ได้ไปสร้างความเสียหายให้กับสนามบิน พนักงานสอบสวนจึงลงบันทึกไว้ให้
นางเ อเล่าว่า ตนทำงานเป็นข้าราชการครู อยู่ที่กรุงเทพฯ สามีทำงานอยู่สนามบิน ช่วงหนึ่งตำแหน่งผอ.สนามบินว่าง สามีได้ขึ้นมาเป็นรักษาการผอ.สนามบิน จนกระทั่งทราบข่าวระแคะระคายมาว่าแอบไปคบกับหญิงสาวคนหนึ่งอายุ 45 ปี เป็นลูกสาวนักการเมืองในเขตต.เมืองแก อ.สตึก
ไม่นานสามีแชตไลน์มาบอกว่า “เราเลิกกันเถอะ” พร้อมกับขอหย่าและยอมรับว่ามีผู้หญิงใหม่แล้ว แต่ตนพยายามพูดคุยดีใ ห้คิดถึงลูก 3 คน แต่สามียืนยันรักหญิงคนใหม่แล้ว
จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีภาพสามีทำพิธีแต่งงานกับหญิงสาวคนดังกล่าว พร้อมบ้านหลังโต จากนั้นได้คุยแชตไลน์กับสามีมาโดยตลอดว่าให้กลับมาคืนดี เพราะสงสารลูก 3 คน แต่สามีไม่ยอม พร้อมท้าให้มาพบผอ.สนามบินได้ ยังไงก็ไม่เอาคืน
ยอมรับว่าเสียใจมาก เมื่อมาถึงสนามบินกลับถูกผอ.กีดกัน และดุด่าว่าไม่สมควร ส่วนตัวต้องการขอความเป็นธรรมกับสามีเท่านั้น แต่พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง รวมถึงฝ่ายหญิงที่ทั้งที่รู้ว่าเขามีภรรยาที่มีทะเบียนสมรส ยังกล้ามาแต่ง
ด้านนายสมบูรณ์ ลาสอน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า วันแต่งงานตนได้ไปร่วมงานด้วย แต่จัดไม่ค่อยใหญ่ ทางฝ่ายพ่อเจ้าสาวบอกว่าทั้งสองต่างคนต่างเคยมีครอบครัวมา จึงทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือแล้วให้ทั้งสองอยู่กันอย่างมีความสุข เรื่องส่วนตัวอื่นๆตนไม่ทราบ
Advertisement