จากกรณีที่หญิง อายุ 34 ปี เจ้าสาว เดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าบ่าว อายุ 33 ปี หลังเตรียมแต่งงานกันที่บ้านในต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แต่พอถึงวันงานเจ้าบ่าวกลับไม่ยอมมา และไม่มีขันหมาก-สินสอดมาให้ตามที่ตกลงกัน หนีหายติดต่อไม่ได้ก่ อนที่เจ้าบ่าวจะติดต่อผ่านผู้สื่อข่าวว่า ที่ไม่ได้ไปแต่งงาน เพราะเกิดอุบัติเหตุล้มจนเอ็นขาด ซ้ำยังถูกญาติเจ้าสาวบุกมาขู่ถึงรพ.จะยิงทิ้ง พร้อมยากถามถึงเรื่องเงิน 5 แสนที่เจ้าสาวอ้างว่าจัดงานแต่งงานมีค่าอะไรบ้าง
ขณะที่เช้าวันนี้ (13มี.ค.68) เจ้าสาวได้เดินทางไปความต่อพนักงานสอบสวนสภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี อีกครั้งหลังจากเมื่อวานไปแจ้งความที่สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เกี่ยวกับงานแต่งงาน แต่ที่เดินทางแจ้งความที่ สภ.พูนพิน นั้น เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าบ่าวเอารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไปจำนำจนรถทั้ง 2 คัน หายไป
ล่าสุดเจ้าบ่าวได้พูดคุยกับเจ้าสาวผ่านโทรศัพท์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา พูดจากใจจริง ไม่เคยคิดจะหลอกอะไรเลย ถ้าตนไม่พร้อมจะแต่งงาน ตนจะ ไปขอทำ ไมมีใครบังคับผมหรือเปล่าเราก็อยู่กันทุกวัน
ขณะที่เจ้าสาวตอบกลับไปว่า “ก็รู้ว่าไม่มีใครบังคับ และเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุแต่พอถึงวันแต่งงานก็ไม่มีคุณมาเลย”
เจ้าบ่าวจึงสวนกลับไปว่า “อันดับแรกเลยวันที่เรากลับ เราไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม?”
เจ้าสาวตอบกลับว่า “ฉันไม่ได้บอกใครว่าเราทะเลาะอะไรกัน”
เจ้าบ่าวพูดต่อว่า “นี่คือความคิดส่วนตัวนะ วันนั้นที่ไปโรงพยาบาลผมไม่รู้ว่าคุณไปบอกญาติว่าอะไร เขาถึงพูดแบบนั้นทั้งที่ผมไม่เคยพูดเลยว่าผมจะไม่ไปเคยพูดหรือเปล่า?”
เจ้าสาวถามกลับว่า “ใครเป็นคนไปพูดแบบนั้น?”
เจ้าบ่าวตอบว่า “หลายคนที่มาหาผม”
เจ้าสาวจึงถามต่อว่า “หมายถึงใครที่พูดแบบนั้น?เขาแค่ไปดูอาการของคุณเท่านั้น”
เจ้าบ่าวสวนกลับว่า “ไม่ใช่แค่มาดูแลผมวันนั้นคนในโรงพยาบาลก็เยอะมากที่ได้ยินว่าคุณพูดอะไรกับผมบ้าง”
เจ้าสาวกล่าวว่า “คุณโทรมาบอกญาติฉันว่ามีคนมาด่าคุณเสียๆหายๆและต้องการให้มาขอโทษไม่งั้นคุณจะไม่มาขอแต่งงาน”
เจ้าบ่าวตอบกลับว่า “ไม่ใช่แค่คนเดียวที่มาด่าผมยังมีอีกหลายคนที่พูดแบบนั้นแต่ผมไม่รู้จักว่าเป็นใคร”
เจ้าสาวถามว่า “คือใครล่ะ?มีแค่ป้ากับญาติๆเท่านั้น”
เจ้าบ่าวสวนกลับว่า “เขาจะพูดแบบนั้นทำไมก็เมื่อผมไม่เคยบอกว่าจะไม่ไป”
เจ้าสาวตอบว่า “เขาไม่ได้ว่าคุณเสียๆหายๆ”
เจ้าบ่าวกล่าวว่า “เห็นไหมพอเป็นมุมของคุณคุณก็บอกว่าเขาไม่ได้ด่า แต่มาลากแม่ผมไปกลางคืนมันใช่เรื่องหรือเปล่า?”
เจ้าสาวถามว่า“แล้วจะพาแม่ไปไหนล่ะ?ใครจะประกันความปลอดภัยให้แม่คุณ?”
เจ้าบ่าวตอบว่า “ไม่ใช่ประเด็นว่าจะพาแม่ไปหรือไม่ไป แต่เรื่องที่สำคัญคือเราควรจะมาคุยกันเรื่องงานแต่งให้ชัดเจน วันนั้นที่ผมล้ม ผมโทรไปบอกคุณอย่างชัดเจน ผมไม่เคยบอกใครสักคนว่าผมขอนอนโรงพยาบาล 3 วันที่ไปออกข่าวคือมั่วหมด ผมบอกหมอว่าผมขอไม่นอนโรงพยาบาลนะและหมอก็บอกว่าถ้าไม่นอนพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ไป เพราะหมอบอกว่าผมเดินไม่ได้นะต้องฉีดยาก่อน และหมอจะเซ็นให้ออกพรุ่งนี้ตอน 6 โมงเช้า และคุณควรจะมาเยี่ยมสักคำมาถามว่าผมเป็นอะไรบ้าง แต่นี่ไม่เคยมาเลยแล้วจะมาพูดแบบนั้นได้ยังไง?”
เจ้าสาวตอบกลับว่า “ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น แค่บอกว่าถ้าคุณมาไม่ได้ก็ให้แม่มาแทน เพราะเราก็เตรียมจัดงานไว้แล้ว”
เจ้าบ่าวสวนกลับว่า “ไม่ใช่ว่าให้มาได้หรือไม่ได้หมายถึงให้มาคืนนั้นเลยไม่ใช่ให้มาช่วงเช้า ผมไม่เคยพูดว่าไม่มาเลย ผมยืนยันว่าจะมาแต่คุณไปบอกใครว่าเจ็บแล้วไม่ได้มาได้ยังไง?”
เจ้าสาวตอบว่า “ฉันแค่ต้องการให้มาคุยกันให้ชัดเจนเท่านั้นเอง...”
Advertisement