หลังตกเป็นข่าวแฟนสาวรองผอ.สนามบินโผล่แจงถูกฝ่ายชายหลอกว่าหย่ากันภรรยาแล้วประกาศตัดแต่ยังไม่ขาดพร้อมขู่ฟ้องเอาผิดขณะฝ่ายชายออกมายืดอกรับ”ผมผิดคนเดียว”ที่ไปหลอกแฟนสาวไม่รู้เรื่องพร้อมรับฟังคำตัดสินระเบียบทางราชการเมียหลวงชี้ฝ่ายชายพูดถูกทุกข้อแต่ลื่นมากกว่า
วันที่ 13 มี.ค.68 จากกรณีนางเก๋ อายุ 51 ปี อาชีพครู อยู่ที่กรุงเทพฯเดินทางมาพร้อมญาติ มาที่สนามบินแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายการแต่งงานนายจักรเพชร อดีตรักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง ปัจจุบันตำแหน่งนักวิชาการขนส่งชำนาญการท่าอากาศยาน กับหญิงสาวคนหนึ่งอายุ 45 ปี เป็นลูกสาวนักการเมืองท้องถิ่นใน ต.เมืองแก อ.สตึก และข้อความแชตคุยกันรวมถึงทะเบียนสมรส เพื่อมาร้องเรียนต่อผอ.สนามบินบุรีรัมย์ ว่า ฝ่ายชายที่ไปแต่งงานกับหญิงอื่น ทั้งที่มีภรรยา และมีทะเบียนสมรส อยากให้ผอ.หาทางดำเนินการช่วยเหลือ
แต่ผอ.สนามบิน กลับมาดุด่าพร้อมห้ามไม่ให้มีการถ่ายภาพบริเวณสนามบินโดยเด็ดขาด หากนำภาพบริเวณนั้นไปเผยแพร่จะแจ้งความดำเนินคดีกับคณะที่เดินทางมาร้องเรียนถึงขั้นเดินทางไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่สภ.สตึก ว่าผอ.จะแจ้งเอาผิด ขณะสามีหายหน้าไม่ยอมมาหาตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดน.ส.ปุ๊ก (นามสมมุติ) ที่มีภาพแต่งงานกับอดีตรักษาการผอ.สนามบิดได้ออกมาระบุว่า หลังทราบข่าวเธอกลายเป็นผู้เสียหาย กลายเป็นฝ่ายโดนหลอก หลังฝ่ายชายมาสารภาพกับเธอว่า ยังคาทะเบียนสมรสกับภรรยาอยู่ สาเหตุที่ไม่บอกเพราะเกรงว่าจะเสียเธอไป
ตอนนั้นฝ่ายชายอ้างว่า เขาเคยแต่งงานมาแล้ว ผ่านการมีลูกมาแล้ว มีเช่นเดียวกับเธอที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วเช่นกัน ตั้งแต่คบกันมากว่า 2 ปีไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขา ซึ่งพ่อแม่รับรู้ทุกอย่าง
ที่ผ่านมาไม่เคยถือเพราะทั้งตนและเขาเคยผ่านการมีครอบครัวมาก่อนเป็นแม่หม้ายมาเหมือนกัน จึงได้จัดพิธีตามประเพณีอีสานคือ การผูกข้อไม้ข้อมือ ไม่ได้จัดงานแต่งใหญ่โต เป็นเพียงว่าอยากให้พ่อแม่ญาติพี่น้องรับรู้เท่านั้น
และตอนนี้กำลังปรึกษาทนายความว่าตนจะทำอะไรได้บ้าง ยอมรับทุกข์มากที่ผิดพลาด ไม่คิดว่าจะมีเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ เองอีกทั้งยังถูกสังคมโจมตีเสียหายทั้งโดนหลอก ตอนนี้จะพยายามเข้มแข็ง
น.ส.ปุ๊ก เล่าอีกว่า ถ้าตนรู้ว่าเขามีภรรยาหรือยังคาทะเบียนสมรสอยู่ เธอไม่เอาอย่างแน่นอน ตอนนี้ให้เขาไปเคลียร์ตัวเองก่อน ยังจะไม่คุยกัน ส่วนเรื่องจะกลับมาคืนดีหรือไม่หากเขาเคลียร์กันลงตัวมันเป็นเรื่องอนาคตพูดตอนนี้ไม่ได้
ขณะที่นายจักรเพชร ฝ่ายชายคู่กรณี ได้ออกมายอมรับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตนที่ไปหลอกแฟนสาวที่เพิ่งแต่งานด้วย เพราะรักเขามาก ไม่อยากเสียเธอไป จึงทำทุกวิถีทาง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับแฟนสาว แต่เป็นความผิดของตนทั้งหมด
“ถ้าจะเปรียบผมเป็นนักต้มตุ๋น หรือสาลิกาลิ้นทอง หรือจะเปรียบเทียบเป็นเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ว่าได้ที่สามารถพูดให้เธอเชื่อตนทำตามวัตถุประสงค์ของตนได้ขอยอมรับผิดคนเดียว”
นายจักรเพชร ยังบอกอีกว่า ส่วนภรรยาที่มีทะเบียนสมรสไม่ได้มาหาตนนานมาก เคยพูดกันทางไลน์ แต่ไม่มาก ภรรยารู้นิสัยตนดี เพราะตนเป็นคนชอบเที่ยว เจ้าชู้ ตามประสาผู้ชาย ส่วนฝ่ายใดจะมาดำเนินคดีกับตนก็น้อมรับขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับผู้หญิงทั้ง 2 คน ส่วนต้นสังกัดจะมีระเบียบอย่างไรขึ้นอยู่กับส่วนกลาง
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามภรรยาฝั่งมีทะเบียนสมรส ถึงเรื่องไม่เคยมาพบสามีเลยในห้วง 2-3 ปี ได้รับคำตอบว่า สามีพูดถูกทุกข้อสาเหตุที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะสามีบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
เธอกับลูกขับรถไปหาที่บุรีรัมย์ กลับถูกอ้างสารพัดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงบ้าง ไปประชุมบ้างทุ กครั้งที่เธอเดินทางมาถึงบุรีรัมย์ สามีจะไม่ให้เจอแม้แต่ครั้งเดียว ต้องขับรถเลยไปบ้านเกิดที่อุบลราชธานีทุกครั้งแต่ก็ยอมรับสามีเป็นลูกผู้ชาย ที่ยืดอกรับแทนแฟนใหม่ได้ดีเหมือนถูกบังคับให้พูด ถ้าแบ่งเอาอกมายืดรับกับภรรยาถูกต้องตามกฎหมายน่าจะดี
Advertisement