(19 มี.ค. 68) "เมย์ วาสนา" หรือ มาดามเมนี่ เปิดเผยว่า ตนเองได้พูดทั้งหมดไปในรายการโหนกระแสแล้ว และที่ได้คุยกับทาง "ดิว อริศรา" ในรายการโหนกระแส และตนเองก็ได้ฟังเจตนารมย์ทั้งหมดของ "ดิว อริศรา" ไปหมดแล้ว ในความรู้สึกส่วนตัวของตนมองว่า เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตของตนเอง และฟางเส้นสุดท้ายของตนคือ ตนเองให้ "ดิว อริศรา" ยืมของด้วยมิตรภาพที่ดีต่อกัน ด้วยความรู้สึกของเพื่อน พี่น้อง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา เป็นโกหก ตรงนี้เลยเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ตนรู้สึกว่าต้องออกมาปกป้องตัวเอง และแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าวันนึง จะต้องมานั่งอยู่ในรายการโหนกระแส
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่เคยโพสต์หรือพูดอะไรเลย เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "แค่อยากได้ของคืน ของเรา เราก็รักของเรา จะด้วยความโง่เขลาหรืออะไรก็แล้วแต่ มันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งหนึ่งต้องโทษตัวเอง ก็ให้เค้าไปเองจริงๆ เค้าไม่ได้เอาไปใส่ และช่วยน้องจริงๆ และเชื่อน้องมาตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมาเชื่อเขาตลอด พี่มดดำพยามบอก ตนเองก็เชื่อเขา แต่พอเราเห็นก็แค่รับไม่ได้"
เมื่อสอบถามถึงแนวทางออกหลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร มาดามเมนี่ บอกว่า ทางออกเดียวของตนเอง "คือได้ของคืน เมย์ไม่ดำเนินคดีก็ได้ ไม่โกรธไม่อาฆาตอะไรเลย แต่ถ้าไม่ได้แล้วต้องสู้ และสู้ให้ดีที่สุด เป้าหมายคือต้องการของคืน จากการคุยในรายการ ดิว ก็ให้ทางออกที่ดีมาก แล้วก็เห็นใจเขา ทุกครั้งที่ไม่ออกมาพูดอะไรเลยเพราะฟังเรื่องนี้มาตลอด และเห็นใจมาตลอด เมื่อถามว่าพอใจกับคำตอบของดิวในรายการหรือไม่ ไม่ได้บอกว่าพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ แต่ถ้าเราได้ของคืนแล้ว ไม่ต้องมานั่งจ่ายตังค์ อันนี้เราโอเค แต่ถ้าโซลูชั่นอื่นไม่โอเค"
ในรายการที่เมย์ร้องไห้ หลังจากที่ฟังคุณดิวพูดนั้น เป็นเพราะอะไร เมย์ ก็บอกเสียงสั่นเครือว่า "คือเพื่อน เมย์เป็นคนที่เติบโต และทำงานสู้ชีวิตมากัลยาณมิตร ตนเองให้ค่าและให้หัวใจ ตีราคาความเป็นเพื่อนสูงมาก เพราะต้นทุนของเรามันน้อย ระหว่างทางในชีวิตเรา เกิดจากกัลยาณมิตร แล้วการที่เราถูกหักหลัง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันคือหนังคนละม้วน ถ้าพูดจริงๆ คือรับไม่ได้ สนามรบทางธุรกิจวาสนาเธอไม่เคยแพ้เลยนะ เธอทำได้ทุกอย่าง เธอทุ่มเททำงานทุกอย่างมาตลอด แต่ทำไมสนามนี้ถึงแพ้ราบคาบ และจมอยู่กับมัน โง่จัง"
ส่วนของต่างๆ ที่เอาไป ก็ไม่ได้มีการผลิตออกมาแล้ว เช่น สร้อยคอโลตัสก็เป็นชิ้นเดียวในโลก นาฬิกาก็ไม่ผลิตแล้ว ดังนั้นมันมีมูลค่าทางจิตใจ เราไม่ได้รวยมาจากไหน แค่มีความชื่นชอบในสิ่งเหล่านี้ ก็เก็บสะสมคิดว่าวันหนึ่งมีมูลค่าเพิ่ม เราเลยเก็บไว้เพราะมีคุณค่าทางจิตใจ อยากได้คืนมากๆ และไม่ได้อยากขาย ของทุกชิ้นเก็บในห้องแอร์ แล้วมันไม่เคยใช้เลย แต่ถูกไปเร่ในตลาด สำหรับความสัมพันธ์หลังจากนี้กับดิวนั้น "ไม่โกรธแค้น ไม่เคือง แต่ก็กลัว แล้วเข็ดแล้ว"
หลังจากนี้จะต้องมีการติดต่อกับรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ก็ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ส่วนมีการหลังไมค์มาหรือยังว่าของไปที่ไหนบ้างนั้น คิดว่าวันนี้ ดิว ก็พูดมากลางรายการว่าจะให้ข้อมูล ก็เชื่อว่าเราน่าจะได้ข้อมูลนี้ว่าอยู่ที่ไหน ส่วนของที่รู้นั้นแน่ชัดหนึ่งรายการ ส่วนอีกหนึ่งรายการ ไม่แน่ชัด อย่างที่ทนายพูดไปในรายการ
เมื่อถามว่าของที่อยู่ที่รัฐมนตรี หรือนักการเมือง เมย์ บอกว่า มันยังการันตีสิ่งนี้ไม่ได้ เพราะเป็นคำพูดที่ได้ข้อมูลมาซึ่งทนายได้ข้อมูลมา ทนายเสริมว่า ได้ข้อมูลมา แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นตำแหน่งสูงอะไรแบบนั้น
"ตอนนี้ไม่ติดใจใครเลย แค่อยากได้ของคืน ไม่ต้องมาให้ดอกเบี้ยให้อะไรเลย เอาของมาคืนทุกอย่างจบ ไม่ดำเนินคดีก็ได้ แต่ถ้าต้องสู้ก็จะสู้จนถึงที่สุด ส่วนเส้นตายที่กำหนดไว้นั้นต้องเร็วที่สุด ทนายบอกว่าเส้นตายของเราคือทุกวัน"
สุดท้ายที่ได้คุยกับคุณดิวสัมผัสได้ถึงความสงสารและความจริงใจของคุณดิวหรือไม่ มาดามเมนี่ บอกว่า "เมย์ฟังเรื่องแบบนี้มาเจ็ดเดือน เท่านี้เลย"
Advertisement