นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจโท อัครา พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. นายวรณัฏฐ์ หนูรอต ที่ปรึกษาด้านการปกครองกระทรวงมหาดไทย นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมการกรมศุล นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นางสาวทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมการแถลงข่าวการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ได้มีการแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ปูพรมการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เน้นพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่รับผิดชอบของกรมศุลกากร ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยจะไม่มีการระงับคดีและส่งต่อไปยังตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อสืบเส้นทางการเงินเพื่อยึดทรัพย์
ส่วนการปราบปรามร้านค้าร้านที่มีที่ตั้งและออนไลน์ด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้ทำงานร่วมกัน โดยหากเป็นเคสที่มีมูลค่า ของกลางเกินกว่า 500,000 บาท ส่งไปยังปปง. หากต่ำกว่าทางตำรวจจะมีการสืบทรัพย์และส่งต่อปปง.เพื่อดำเนินการ ส่วนดิจิทัลฯ สามารถปิดกั้นเพจและเว็บไซต์ต่างๆใต้กว่า 9,500 กว่าเพจ ต้องทำงานอย่างหนักในการกวาดล้าง
ขณะเดียวกันยังสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ในเรื่องของโทษของบุหรี่ไฟฟ้า รวมไปถึงเน้นที่สถานศึกษา เพราะนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ไม่อยากให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าโดยง่าย โดยใช้กลไกที่มีอยู่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังต้องนำข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาทบทวน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
ส่วนด้วยความคืบหน้ามาตรการเร่งด่วนโดยเฉพาะการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและกวาดล้าง นับจากวันที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ25 กุมภาพันธ์ ได้เริ่มดำเนินการทันที โดยมียอด26 กุมภาพันธ์ - 18 มีนาคม ยอด การจับกุมดำเนินคดี 1,741 คดี ผู้ต้องหา 1789 คน จำนวนของกลาง 1, 285,024 ชิ้น มูลค่า 231,881,074 บาท
นอกจากนี้นางสาวจิราพร ยังระบุอีกว่า มีการยกระดับการทำงานที่เข้มข้น ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มีการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เข้ามาจัดการ โดยเฉพาะมีส่งข้อมูลไปยัง ปปง.เพื่อสืบเส้นทางการเงินและขยายผลการจับกุมไปถึงต้นตอรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีช่องทางการแจ้งเบาะแสส่วนต่างๆแล้ว มีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ประชาชนสามารถแจ้งผ่านทางแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ที่พัฒนาร่วมกันกับดีจีเอ
โดยนางสาวจิราพรกล่าวต่อว่า หลังจากการดำเนินการปราปรามอย่างเข้มข้นจะรายงานนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับมอบหมาย 30 วัน หรือ 27 มีนาคม 2568 จะรายงานนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อรับทราบผลการปฏิบัติ
Advertisement