วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ สน.ปทุมวัน นายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือ ทนายอ๋อง ทนายความของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด พร้อมตัวแทนบริษัทฯ เดินทางมายัง สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความดําเนินคดีกับ “ดิว อริสรา” ในข้อหาฉ้อโกง กรณีนําเอาสร้อย Bvlgari รุ่น Serpenti Tubare Choker Necklace มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง ทำให้ได้ไปซึ่งสินเชื่อจากบริษัทฯ จํานวน 7 ล้านบาท
น.ส.ณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ในวันที่ “ดิว อริสรา” นําสร้อยมาฝากเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ทางบริษัทฯมีการสอบถามถึงใบเซอร์หรือใบรับรองสินค้า แต่ทางคุณดิวแจ้งว่าอยู่อีกที่ ซึ่งไม่มีปัญหาเนื่องจากบริษัทฯไม่ได้ต้องการนําสินค้าครบเซ็ทเพื่อนําไปขายต่อ เพราะทําธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและเช่าฝากสินค้าแบรนด์เนมเท่านั้น ซึ่งราคาจะลดหย่อนตามของที่มี อย่างไรก็ตามสินค้าแบรนด์เนมไม่สามารถไปเช็กตามช็อปได้ว่าใครเป็นเจ้าของไม่เหมือนกับการซื้อขายรถที่จะมีเล่มทะเบียนและผู้ครอบครอง โดยบริษัทฯมีการทําสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายอมรับว่า บริษัทฯไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อนนี้ถือเป็นครั้งแรก แต่ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัทฯอย่างแน่นอน ส่วนการส่งดอกเบี้ย เบื้องต้นทางคุณดิว มีการส่งดอกตรงทุกเดือนตั้งแต่สิงหาคมถึงมีนาคมก่อนจะมีข่าว ส่วนเรื่องการคืนสินค้าทางบริษัทฯขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและขออย่ากดดันเพราะเป็นบริษัทก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นกันและขอฝากถึงคุณดิวให้บินกลับมาพูดคุยเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
เมื่อถามว่าจะเข้าข่ายรับของโจรหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า อยู่ที่เจตนาวันแรกหากรู้ว่าไม่ใช่ของคุณดิวก็จะเข้าบ่ายรับของโจรแต่กรณีนี้มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าทางบริษัทฯไม่ทราบว่าเป็นของคนอื่น ซึ่งเรื่องรับของโจรจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนกับบริษัท
ส่วนเรื่องการเซ็นรับสภาพหนี้ ต้องดูว่าเป็นหนี้หรือไม่ แต่เรื่องของคุณดิวเป็นคดีอาญา คงไม่มาคุยกันในคดีเพ่งว่าคุณดิวจะรับผิดชอบอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามคดีฉ้อโกงสามารถยอมความได้ ซึ่งในอนาคตหากคุยจบและเยียวยาก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่คุณดิวควรจะต้องบินกลับมาพูดคุยด้วยตัวเอง
ต่อมา นายวิฑูรย์ หรือ "ทนายอ๋อง" กล่าวภายหลังเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า "วันนี้เป็นการยื่นเอกสารแล้วก็มีการพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ ตามที่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วข้างต้น แต่ยังไม่ได้สอบปากคำอย่างละเอียด โดยพนักงานสอบสวนจะนัดมาสอบปากคำอีกครั้ง ในขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องของการรับสภาพหนี้ และยังไม่ได้พูดคุยว่าจะดำเนินการไปทางทิศทางไหน เบื้องต้นแจ้งเป็นคดีอาญาไปก่อน โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงกับทางบริษัท ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปปกติ และให้ราคาตามสภาพของที่ลูกค้านำมาขายฝากเหมือนเดิม ส่วนในการขอคืนสร้อยบุลการี ทนายของดิว อริสรา สามารถติดต่อกับทนายอ๋อง เพื่อพูดคุยได้โดยคดีฉ้อโกงก็เป็นคดีที่สามารถยอมความได้ โดยจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากที่ ดิว อริสรา กลับมาถึงไทยแล้ว
ด้าน ร.ต.ท.ธีรภัทร์ รุ้งรุ่งรัศมี รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความจากผู้รับอำนาจจากบริษัทผู้เสียหายไว้แล้ว หลังผู้เสียหายมีความจำนงให้ดำเนินคดีกับ ดิว อริสรา ข้อหาฉ้อโกง จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าคดีมีมูลความผิดจะออกหมายเรียกให้ดิว อริสรา มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
Advertisement