วันที่ 25 มี.ค. 68 ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนางสาวนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ “แตงโม” ดาราสาวที่ตกท้ายเรือ เมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ล่าสุดวันนี้มีความเคลื่อนไหวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พร้อมด้วยพันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ “อาจารย์หมอธวัชชัย” อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และนายเอกราช นามโภคิน พยานผู้พัฒนาซอฟแวร์และวิเคราะห์จีพีเอส เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI
โดยนายอัจฉริยะ เปิดเผยความคืบหน้าก่อนจะเข้าไปให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่า “วันนี้นอกจากจะเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มแล้ว ยังพาพยานคนสำคัญ 2 คน คือ นายสุธี พงศ์เพียรชอบ ซึ่งเป็นคนสนิทและเลขาฯ ของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาให้ข้อมูลด้วย
ทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอุทธรณ์ในคดีที่โรเบิร์ตและปอ โอนเงิน 4 แสน ให้กับนายชัยวัฒน์ โลมากุล และแม่แตงโม แต่พบว่าเป็นสลิปปลอม และข้อมูลการโทรหาปอในช่วงตี 2 ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ รวมไปถึงข้อมูลกุนซือหรือทนายตัวจริงของปอคือใคร เพราะความจริงแล้วเขาเป็นคนวางแผนตัวจริง ไม่ได้เป็นคนในแสง แต่เป็นเด็กของรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ยืนยันไม่ใช่ทนายตั้ม แต่หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ จะต้องเข้าไปสอบปากคำทั้งทนายตั้ม , แอนนา และเจ้าของร้านโทรศัพท์ ในเรือนจำเพิ่มเติม เพื่อขอข้อมูล
ส่วนเรื่องส่งเด็ก หรือดาราตกอับให้กับนักการเมืองหรือเสี่ยต่างๆ ก็มีข้อมูล เพราะพบแม่เล้าอยู่ในวงการบันเทิง ต้นตออยู่ที่ทองหล่อ มี 2 คน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องค้ามนุษย์ นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์ของแตงโม เกี่ยวข้องกับข้อมูลยาเสพติดด้วย
นอกจากนี้สิ่งสำคัญวันนี้ เราได้หนังสือตอบกลับจากทางอัยการสูงสุดและอัยการนนทบุรีแล้ว หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องไปเพื่อขอแก้ไขคำฟ้องในคดีแตงโม ซึ่งล่าสุดทางอัยการนนทบุรี เป็นผู้ตอบรับเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ซึ่งสรุปว่า "ถ้าหากตำรวจ , อัยการ , หมอนิติเวช , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และพยานทุกปากที่ให้การกับตำรวจ หากเป็นเรื่องเท็จหรือลวงโลก ทุกคนต้องรับผิดชอบ"
ทั้งนี้ทางดีเอสไอได้มีข้อยุติแล้ว รวม 4 ประเด็น ได้แก่ 1.ประเด็นที่เชื่อว่าแตงโมหายจากเรือไป ช่วงเวลา 20.36 - 21.56 น. ถือเป็นข้อยุติแล้ว ดังนั้นที่ตำรวจแถลงข่าวเมื่อไปวันที่ 26 เมษายน 2565 ว่าแตงโมตกเรือเวลา 22.34 น. จึงเป็นเรื่องลวงโลก ไม่เป็นความจริง 2.ประเด็นที่ตำรวจบอกแตงโมตกท้ายเรือ ก็เป็นเรื่องลวงโลก 3.ประเด็นบาดแผล ศาลฯ มีคำพิพากษาแล้วว่าบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ , เส้นผม 3 เส้นที่พบท้ายเรือ ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ 4.ประเด็นกล้องวงจรปิดเวลา 22.11 น. พบภาพเหลือ 5 คนบนเรือ โดยไม่มีแตงโม นั่นหมายว่าเอกสารการแก้ไขคำฟ้องฉบับนี้ที่ได้มา ก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นการฟ้องไปตามพนักงานสอบสวนที่มีการสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการนนทบุรี ซึ่งถ้าศาลตัดสินในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ เป็นอย่างไร ก็ถือเป็นประโยชน์ และตัวเองตั้งใจเอาเอกสารมามอบให้กับดีเอสไอ เพื่อลงสำนวนคดี โดยวันนี้เราจะประชุมกันถึงแนวทางหลังจากนี้ พร้อมกับเอาข้อมูลมาเทียบกัน ทั้งเส้นทางการเงินย้อนหลังของแตงโม รวมไปถึงภาพแตงโมกับกระติกที่ถ่ายคู่กัน เวลา 21.56 น. เพราะพิสูจน์แล้วว่าเป็นภาพตัดต่อจริง
นายอัจฉริยะ ยังมั่นใจว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีจะมีความผิดแน่ๆ รวมไปถึงคนบนเรือ ซึ่งจะโดน ม.157 ม.164 ม.200 และหลังศาลฯ ตัดสินคดีแล้ว ทางดีเอสไอจะเสนอรับทำเป็นคดีพิเศษ ส่วนตัวเชื่อว่าศาลฯ ยกฟ้องอยู่แล้ว และถือว่าเข้าทางตัวเองพอดี
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ระบุว่า เรื่องนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำทุกอย่างเต็มที่ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู และยืนยันว่าตำรวจที่เกี่ยวข้อง เอื้อประโยชน์ให้กับคนบนเรือ ต้องถูกดำเนินคดีหรือให้จากราชการไว้ก่อนเหมือน “บิ๊กโจ๊ก” และหากไม่ได้ความเป็นธรรม ตัวเองก็จะล่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย
นอกจากนี้เปิดเผยภายหลังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอราว 1 ชั่วโมง ว่า "ช่วงเดือนเมษายนนี้ จะมีกำหนดเรื่องลงเรืออีกรอบ เนื่องจากมีพยานหลายคนมาให้การ มีข้อมูลใหม่ๆ โดยเฉพาะพยานคนสำคัญล่าสุด นั่นก็คือ 1 ในคนบนเรือ เป็นผู้ชาย ไม่ใช่กะเทย จะออกมาเปิดหน้ายืนยันจุดตกของแตงโมที่แท้จริง ซึ่งเป็นจุดใหม่ ห่างจากจุดเดิมไม่ไกล อยู่บริเวณท่าทราย ลักษณะจุดตกน้ำตื้น และเขายืนยันว่าวันนั้นทุกคนบนเรือเมาหมด ยกเว้นเขา จึงจะพาเราไปชี้จุดตกจริง และพิสูจน์ตามคำพูดของเขา รวมไปถึงเขายังยืนยันอีกว่าสิ่งที่ตำรวจแถลงเป็นเท็จทั้งหมด"
ส่วนสาเหตุที่ 1 ในคนบนเรือออกมาให้ข้อมูลในวันนี้ ก็เพราะว่าจากพยานมันลวงโลก เป็นเรื่องมโนทั้งหมด ที่สำคัญทุกคนตอนนี้อยากเอาตัวรอด จึงอยากจะมาเป็นพยานมากกว่าจำเลย โดยพบว่าเขาเข้ามาให้ข้อมูลแล้ว 2 ครั้ง
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยังมั่นใจว่า หลังจากศาลตัดสินคดีแตงโมในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ดีเอไอจะแถลงการทำคดีอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณแม่แตงโมได้เข้ามาเซ็นยินยอมให้ดีเอสไอดำเนินการถึงที่สุดแล้ว พร้อมกันนี้ยังมีอดีตเอฟบีไอ มาช่วยดูคดีด้วย จึงมั่นใจว่าตอนนี้คดีน่าจะละเอียด ครบถ้วนมากขึ้น
ด้านนายเอกราช ระบุว่า วันนี้มี 2 เรื่องที่จะมาให้ดีเอสไอ เรื่องแรกคือการตัดต่อภาพ ที่ตัวเองเพิ่งได้ไฟล์ขนาดใหญ่มา ทำให้เห็นรายละเอียดเพิ่มเติมอีก และสามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นภาพตัดต่อหรือไม่ ตัวเองเข้าใจว่าจะเป็นจุดเดียวกันกับทีมพิสูจน์ของดีเอสไอที่เจอ ซึ่งจะส่งข้อมูลให้ดีเอสไอเอามาประกอบกันว่ามีจุดไหนบนภาพแตกต่างกันบ้าง
เรื่องที่ 2 คือสเตทเม้นท์ของแตงโม 5 ปี (2019-2022) โดยหมอธวัชชัย นำสเตทเม้นท์ส่วนหนึ่งเป็นกระดาษมาให้ ตัวเองจึงได้แปลงจากกระดาษเป็นข้อมูล เพื่อนำตัวเลขมาวิเคราะห์ต่อ ตรวจสอบรูปแบบรับ-โอนเงิน ว่ามีรูปแบบใด มีการโอนต่อเนื่องมาหรือโอนช่วงเกิดเหตุ ในช่วง 5 ปี มีการโอนครั้งละ 3-4 แสน บางช่วงทะลุไป 9 แสน ถึงล้านบาท
วันนี้ตัวเองจะมอบสิ่งที่วิเคราะห์ตามประสบการณ์และส่งมอบให้ดีเอสไอ และทราบว่าทางดีเอสไอได้สอบพยาน และจะนำข้อมูลมาประกอบกันกันเรื่องเส้นทางการเงินด้วย
ส่วนจะเห็นอะไรได้บ้างจากสเตทเม้นท์ จะเห็นได้ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งซอฟต์แวร์สามารถตรวจจับได้ การวิเคราะห์รายการเงินเข้าออกตั้งแต่ปี 2019-2022 จะได้เห็นรูปแบบว่ามีอะไรผิดปกติ รายการทั้งหมด สามารถรู้ได้ว่า ใครมีพฤติกรรมปกติหรือไม่ปกติ
รวมไปถึงรายการที่เป็นเศษสตางค์บาท ที่จะมีแค่ช่วง 26-28 กุมภาพันธ์ 2022 เท่านั้น และตั้งแต่ 2019 ไม่มีรูปแบบข้อมูลสเตทเม้นท์แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ทางดีเอสไอต้องเอาไปประกอบไทม์ไลน์ที่มีไว้แล้ว
ส่วนการได้ไฟล์ภาพที่ไม่ใช้ตัวต้นฉบับนั้น มีผลต่อการวิเคราะห์แน่นอน ปกติแล้ววิเคราะห์สองแบบคือวิเคราะห์ด้วยตา และวิเคราะห์ด้วยซอฟต์แวร์ หรือ Ai หากไม่ได้ต้นฉบับพวกซอร์ฟแวร์จะบอกอะไรไม่ค่อยได้ และ 3 ปีที่ผ่านมายังไม่เคยมีไฟล์ที่ใหญ่ที่สุด ได้ภาพจากข่าว จากรายการบ้าง แต่ตัวเองดูจาก IG ของโบทีเค ก็จะมีซอร์สโคดที่ให้เราสามารถตามไปดาวน์โหลดภาพจริง ซึ่งได้โหลดจากตรงนั้น ภาพที่ได้จำนวนพิกเซลก็เยอะมากพอที่จะสามารถซูมเข้าไปเห็นอะไรบางอย่าง เห็นรายละเอียดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงคอแตงโม ลักษณะถูกเกลี่ยให้เข้ากับคาง และมีช่วงปากที่ทำให้เข้ากันด้วย ซึ่งเห็นชัดเจน แต่หากได้ไฟล์ต้นฉบับจากมือถือจะยิ่งทำให้ง่ายกว่านี้
พร้อมกล่าวว่า ภาพนี้ไม่ใช่ตัวเองแค่คนเดียวที่วิเคราะห์ หลังบ้านนี้มีทั้งเอกชนและภาครัฐที่ชำนาญร่วมวิเคราะห์ด้วย เบื้องต้นวิเคราะห์ด้วยวิทยาศาสตร์เชื่อว่าภาพนี้การที่จะเป็นภาพเดี่ยวแล้วเอาคนเข้ามาต่อข้างหลังทำได้ยากมาก เพราะด้วยแสงและเงาจะพอดีกันจึงเชื่อว่าภาพนี้น่าจะนั่งอยู่สองคนอยู่แล้ว แต่วิเคราะห์หากอะไรไม่ได้บ่งบอกว่าคนข้างหลังคือแตงโมก็จะต้องตัดแค่ส่วนนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ที่มาช่วยวิเคราะห์คือดีไซเนอร์ทำงานด้านรีทัชอยู่แล้ว เชื่อว่าจุดหัวและขาอาจถูกเปลี่ยนไป แต่อย่างไรก็ตามต้องไปดูแล้วก็ประกบกันกับข้อมูลทางดีเอสไออีกครั้ง
ยืนยันเป็นเพียงสิ่งที่พวกตนทำได้ แต่ไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าภาพนี้เป็นภาพตัดต่อหรือไม่ ทำได้คือช่วยวิเคราะห์ ว่ามันเกิดอะไรกับภาพนี้ และภาพนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง เท่านั้น
Advertisement