ตำรวจไซเบอร์ บุกช่วยนักศึกษาพยาบาลสาว เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงินกว่า 3 แสนบาท ก่อนลวงพาตัวไปหาดใหญ่
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครองของนักศึกษาสาว อายุ 19 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบุตรสาว กำลังเรียนพยาบาล ชั้นปี1 ของสถานศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และพักอาศัยอยู่หอพักในย่านบางพลัด กรุงเทพฯ กรณีบุตรสาวขอเงินหลายครั้งรวมเป็นเงิน 325,000 บาท โดยอ้างเหตุผลต้องใช้จ่ายค่าเกี่ยวกับอุปกรณ์การเรียนเสียหายและต้องการใช้เงินเพื่อทำเอกสารทางการเงิน (สเตทเม้นต์) เพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสิงคโปร์
ต่อมาผู้ปกครองเริ่มมีความสงสัย จึงพยายามติดต่อบุตรสาวหลายครั้งแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย และยังได้รับโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อ ข่มขู่ให้โอนเงินเพิ่มเติม พร้อมขู่ว่าจะทำอันตรายต่อบุตรสาวหากไม่ทำตาม เชื่อว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ ก่อนตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่สน.บางพลัด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 เม.ย.68
ต่อมา พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ทำการตรวจสอบข้อมูลเชิงเทคนิค กระทั่งพบว่านักศึกษาสาวรายนี้ถูกล่อลวงให้เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีพฤติกรรมเหมือนถูกควบคุม ก่อนประสาน พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 สนธิกำลังร่วมกันค้นหาตัว กระทั่งพบข้อมูลว่านักศึกษาสาวได้เข้ามาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จึงร่วมกันวางแผนเข้าช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัยในช่วงค่ำของวันเดียวกัน
จากการสอบปากคำนักศึกษาสาว ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 ช่วงๆเวลาประมาณ 11.00 น. ได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทอินเทอร์เน็ต และต่อมามีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเอกสารปลอมให้ดูว่าตนมีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมหลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ ก่อนใช้อุบายลวงให้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยอ้างว่าเป็นกระบวนการรักษาความลับทางคดี
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า แผนของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะใช้วิธีในการโทรหาเหยื่อ ถ้าเหยื่อหลงเข้าไปพูดคุยด้วยก็จะหลอกถามข้อมูลจากเหยื่อ ก่อนส่งไม้ต่อให้กับอีกคนนำข้อมูลที่ได้จากเหยื่อกลับมาหลอกซ้ำอีกทอด โดยการอ้างว่าเหยื่อไปเกี่ยวของกันการกีะทำผิดในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความกลัว ก่อนจะหลอกให้เหยื่อโอนเงิน เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี โดยเฉพาะถ้าเหยื่อเป็นเยาวชนหรือนักศึกษาก็จะพูดให้เหยื่ออยู่ตามลำพัง เพื่อไม่ให้มีโอกาศปรึกษาบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด ก่อนจะพูดบีบบังคับให้หลอกพ่อแม่หรือผู้ปกครองให้โอนเงินมาให้
อย่างเช่นในเคสนี้ ในขณะที่ตำรวจเข้าช่วยเหลือออกมาจากห้องพัก ยังพบว่านักศึกษาสาวรายนี้ ยังมีการใช้วีดีโอคอล พูดคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตลอดเวลา ในลักษณะถูกข่มขู่และหว่านล้อมตลอดเวลา เพื่อให้เหยื่อติดต่อพ่อแม่ให้โอนเพิ่มให้อีก อย่างไรก็ตามทางชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสืบสืบสวนแกะรอยหาผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดในขบวนการนี้ทั้งหมดแล้ว เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป
Advertisement