จากกรณีเกิดเหตุ แผ่นดินไหว ศูนย์กลางในประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ความลึก 10 ก.ม. เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และ กทม. ที่เกิดเหตุการณ์ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างเกิดถล่มลงมา เป็นเหตุทำให้มีคนงานบาดเจ็บ สูญหาย และเสียชีวิตจำนวนมาก
จนต่อมาเวลา 07.30 น. วันที่ 11 เม.ย. 68 เฟซบุ๊กเพจ “มูลนิธิเพชรเกษม” โพสต์ข้อความระบุว่า “ด่วน! ทีมกู้ภัยพบสัญญาณไฟด้านล่าง ลึกลงไปประมาณ 3 เมตร คาดอาจเป็นสัญญาณไฟจากมือถือของผู้รอดชีวิต ในพื้นที่โซน B เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบสัญญาณชีพ ทีมกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม ได้ยินเสียงปิดเปิดโทรศัพท์มือถือ คล้ายเสียงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Samsung ล่าสุดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างส่องกล้องลงไปตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูล #ขอให้เป็นผู้รอดชีวิต”
ก่อนที่จะอัปเดตอีกว่า “08.50 น. ด้านล่างลึกลงไป 3 เมตร ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ แต่มีสัญญาณไฟปิดเปิดตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่”
“ทีมกู้ภัยใช้กล้องเรดาร์ตรวจพบ ผู้ประสบภัย 2 ราย ในพื้นที่โซน B คนแรกอยู่ที่ความลึกประมาณ 1 เมตร และคนที่ 2 อยู่ที่ระดับความลึก 3 เมตร”
ล่าสุดนาย ภคพล เมธีภักดี อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม กล่าวว่า เราได้รับภารกิจตอน 6 โมงเช้าให้ไปปูพรมค้นหาร่วมกับทีมกู้ภัยกองกำลังผสม การขึ้นไปครั้งนี้ไม่ได้มีแต่มูลนิธิเพชรเกษม แต่มีหลายมูลนิธิเข้ามาร่วม เราทำงานร่วมกันมาหลายวันแล้ว ปกติแล้วเราทำงานสลับกับเครื่องจักร หากเครื่องจักรทำงานเราก็จะหยุด แต่เมื่อเครื่องจักรหยุดเราก็จะทำงาน เพราะว่าเราจะทำงานตอนเครื่องจักรทำงานไม่ได้ จะเกิดอันตรายกับเรา
วันนี้ทางผู้บัญชาการเหตุการณ์หน้างานให้เวลาเรา 1 ชั่วโมงในการเข้าไปปูพรมค้นหา และเสิร์ชพื้นที่ โซนA โซนB โซนC ซึ่งอาสาสมัครมูลนิธิเพชรเกษมต้องให้เครดิตน้องฟี่ที่เดินผ่านไปตรงนั้น หลายวันที่ผ่านมาเราพยายามเจาะหาโพรง เพื่อให้เข้าไปถึงตัวผู้ประสบภัย วันนี้เราก็เข้าซ้ำในจุดเดิม เราทำจุดนี้มาประมาณ 2-3 วันแล้ว วันนี้ก็เข้าไปซ้ำ เมื่อเดินเข้าไปน้องฟี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เป็นเสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่เวลาเราเปิดเครื่องยี่ห้อหนึ่งจะมีเสียงดัง เป็นเครื่องแอนดรอยด์ น้องก็หยุดฟัง และคิดว่าใครจะมาเปิดโทรศัพท์เวลานี้ ไม่น่าจะมาจากกู้ภัยด้วยกัน เขามั่นใจว่า มันมาจากโพรงด้านล่าง ที่ความกว้างเดิมทีเจอประมาณ 50 เซนติเมตร
นาย ภคพล กล่าวว่า น้องก็ชะโงกหน้าเข้าไปดู บอกว่าเห็นแสงไฟสีขาวที่อยู่ด้านล่าง น้องคิดว่าตัวเองตาฝาดก็เลยไปเรียกพี่มูลนิธิปอเต็กตึงและทีมยูซา ซึ่งเขามีกล้องงู และเป็นสายสอดลงไปก็เห็นแสงไฟสีขาว ที่คาดว่ามาจากสมาร์ทโฟน ตอนแรกก็ตะโกนถามลงไปด้านล่างว่ามีใครอยู่ข้างล่างไหม มีคนละชีวิตไหม ถ้ามีใครอยู่ข้างล่างขยับตัวให้ดูหน่อย ปรากฏว่าไม่มีการขยับตัว ไม่มีการตะโกนตอบรับมา ทำให้ทีมกู้ภัยและยูซาอนุมานว่าถ้าเขาเป็นผู้รอดชีวิต 15 วันแล้วเขาอาจจะไม่มีแรงพูด เขาอาจจะไม่สามารถบอกเราได้ จึงบอกว่าถ้าเป็นคนที่อยู่ข้างล่างให้เปิดปิดไฟมือถือ ปรากฏว่าพอพูดสิ้นเสียงบอกให้เขาปิดไฟ แสงไฟสีขาวก็ดับลง แล้วก็บอกเขาอีกครั้งหนึ่งว่าเปิดไฟปิดไฟสลับไปมาแสงไฟก็ดับๆ ปิดๆ ตามคำสั่งของทีมกู้ภัย ที่บอกเขาเมื่อมั่นใจว่าอาจจะมีความหวัง
ที่ผ่านมาเราเจอเคสสีดำก็จิตใจห่อเหี่ยว เราก็อยากเจอเคสสีเขียวบ้าง บางคนบอกว่าปาฏิหาริย์ไม่มีจริง แต่ครั้งนี้อาจจะมีจริงก็ได้ เราก็เลยพยายามพิสูจน์ ถามว่าตอนนี้เป็นคนที่รอดชีวิต 100% หรือไม่ ก็ยังไม่กล้าพูด เพราะยังไม่เห็นกับตาตัวเอง ทีมยูซาก็เอาเครื่องมือที่เป็นลักษณะกล้องเรดาร์เข้าไปส่องในโพรงในกล้องแสดงภาพออกมาสองภาพมีลักษณะร่างกายมนุษย์ ห่างจากพื้นดินลงไป 1 เมตรคนแรก ส่วนคนที่สองลึกลงไปประมาณ 3 เมตร ถามว่าตอนนี้พิสูจน์ได้หรือยังว่าเป็นสัญญาณชีพของคนที่รอดชีวิตก็ยังไม่ฟันธง แต่อยากให้เป็นคนรอดชีวิต
นาย ภคพล กล่าวต่อว่า ถามว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรกันอยู่ ทางอาสาสมัครตอนนี้ของเราเป็นกองกำลังผสมกำลังช่วยกันใช้มือทั้งสองข้าง คุ้ยเศษดินเศษหิน เพราะว่าตอนนี้ด้านหลังเศษปูนถูกบดขยี้ด้วยเครื่องจักรพอสมควรแล้ว สามารถที่จะใช้แรงคนหยิบออกมาได้ และใช้ครีมเครื่องตัดทางตัดเหล็กรอบข้าง พยายามเปิดปากโปร่งให้กว้างขึ้น ขณะที่ตัวกู้ภัยมุดลงไปได้ แต่ตอนนี้ยังลงไปไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงแต่ใช้ท่อส่งอากาศลงไปข้างล่าง เพื่อที่จะเติมอากาศ ถ้าเขาเป็นคนรอดชีวิต อย่างน้อยเรายังเข้าไม่ถึงตัวแต่เราก็เติมอากาศให้เขาได้หายใจด้านล่างก่อน ซึ่งเราก็คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นผู้รอดชีวิต
เมื่อถามว่า นอกจากส่งท่ออากาศ จะส่งน้ำหรือส่งอะไรเข้าไปเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นาย ภคพล กล่าวว่า อาคารที่ถล่มกับอาคารลานจอดรถจะมีทางเดินเชื่อมกัน และจะมีคานที่ทำหน้าที่เชื่อมกัน คานตัวนี้เหมือนมันค้ำอยู่ เฉียงประมาณ 45 องศาฯ และตามคานมีช่องอยู่ แต่เรายังเข้าไปไม่ได้ เราพยายามเปิดหน้าดินตรงนี้ และอัดอากาศเข้าไปตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าผู้ประสบภัยจะอยู่บริเวณนั้น
อย่างไรก็ตามตนขอพูดถึงโซเชียลนิดหนึ่งว่า การที่ตนออกมาให้ข่าว และออกมาโพสต์ เพราะทุกคนอยากเจอคนรอดชีวิต แต่เขาหาว่าตนปล่อยข่าวมั่ว ซึ่งคนที่ว่าเขาก็เป็นกู้ภัยด้วยกัน จึงอยากบอกว่า ถ้านั่งอยู่บ้านแล้ว ไม่มาช่วย ดีแต่คอมเมนต์ว่าคนอื่นปล่อยข่าวมั่ว ขอให้เข้ามาทำงานด้วยกัน เป็นกู้ภัยอย่านั่งอยู่บ้าน ขอให้ออกมาช่วยประชาชนดีกว่า
Advertisement