ความคืบหน้าคดีนายบุญเลิศ ฝั่งไชยสงค์ หรือ โอโล อายุ 49 ปีอยู่บ้านเลขที่ 63/4 หมู่ 12บ้านน้อยพรสวรรค์ ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ก่อเหตุฆ่านายสุมนต์ ศรีธรรม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่95 หมู่5 ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น อ้างว่าผู้ตายพยายามเข้าไปข่มขืนภรรยาตัวเอง ในกระท่อมที่ป่าสาธารณะโคกน้ำพระทัยบ้านโนนชาติ ม.5 ต.นาหนองทุ่ม โดยใช้ไม้ฟาดคนตาย และเผาทั้งร่างเพื่ออำพรางคดีในหลุมขยะ กระทั่งตำรวจลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวได้ ที่บ้านของแม่ยายนายบุญเลิศเมื่อช่วงสายวันที่ 13 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 เม.ย.2568 ที่สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นแ ม่ของนายโอโล นำกับข้าวมาเยี่ยมที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา สภ.ชุมแพ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เปิดประตูให้แม่ของนายโอโลเข้าไปเยี่ยม ก่อนคุมตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดชุมแพ ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของผู้สื่อข่าว พบว่านายโอโลได้ร้องไห้และไหว้ขอโทษแม่ ก่อนที่ผู้ต้องหาชายคนอื่นช่วยปลอบและพยุงลงไปนั่งกินข้าวที่แม่ได้นำมาให้นายโอโลบอกกับแม่ว่าจะไม่ได้เจอกันตลอดชีวิต ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวนายโอโลพร้อมผู้ต้องหาคดีอื่นอีกหลายคนเดินขึ้นรถนำตัวส่งที่ศาลจังหวัดชุมแพ โดยมีแม่ของนายโอโลยืนดูลูกชายด้วยสีหน้าเศร้า
ซึ่งในทางคดีนั้นเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ โดยได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลจังหวัดชุมแพฝากขังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้คุยกับนางสาลี ฝั่งไชยสงค์ อายุ 70 ปี เล่าว่าทั้งคู่เพิ่งไปอาศัยอยู่ไม่ถึงปีที่ไปอยู่ที่นั่นเพราะเมียกินเหล้าเสียงดังกลัวชาวบ้านรอบข้างรำคาญซึ่งลูกชายขอไปอยู่เองภรรยาของลูกชายคนนี้มีพฤติกรรมติดเหล้าเอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งลูกชายกับภรรยามีปากเสียงกันบ่อยๆ ในเรื่องที่ภรรยายุ่งเกี่ยวกับชายอื่น แม่บอกว่าเป็นเรื่องจริงแต่ลูกชายก็ไม่เคยเชื่อเพราะรักเมียตัวเองมาก แม่ก็ทำได้เพียงบอกลูกว่าให้ดูเอาเองจะได้เห็นกับตาเพราะเมียของลูกจะไปกินไปเที่ยวหากวันไหนที่ลูกไม่อยู่ในส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นลูกชายก็ไม่เคยบอกให้ฟัง
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านของผู้เสียชีวิต และได้พบกับนางคำตา ศรีธรรมอายุ 55 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตกับญาติๆ กำลังเตรียมรับศพ โดยมีลูกสาวเป็นคนดำเนินการเรื่องรับศพผู้ตายกลับมาแต่เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลทำให้ขั้นตอนล่าช้า โดยครอบครัวได้มีการจัดสถานที่ในบ้านเพื่อเตรียมงานศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภรรยาผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าไม่เชื่อว่าสามีจะไปข่มขืน ตามที่คนก่อเหตุให้การกับตำรวจ มั่นใจเอาคอเป็นประกันได้เลย วันเกิดเรื่องนั้นสามีไปหาปลาที่ใส่เบ็ดเอาไว้ตอนช่วงเที่ยง ก่อนจะออกไปช่วง 5 ทุ่ม ตามปกติ ส่วนชายหญิง 2 คน ไปอยู่อาศัยที่กระท่อมตรงนั้น สามีเป็นคนสงสาร ก็แวะเวียนไปหาเพราะเหมือนเป็นลูกหลานในหมู่บ้าน สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่ทราบหรือเป็นเรื่องหึงหวงก็ไม่น่าใช่เพราะสามีเป็นคนขี้สงสาร เอาข้าวเอาน้ำไปให้กิน
ส่วนผู้หญิงมีแต่ชาวบ้านพูดพฤติกรรมให้ฟังปากต่อปากเป็นเรื่องผู้ชาย แต่เรื่องที่เป็นข่าวนั้นยืนยันไม่เป็นความจริง ซึ่งสามีก็ไม่ใช่คนชอบดื่มเหล้า แต่สองสามีภรรยาที่ก่อเหตุนั้นกินเป็นประจำ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ให้อภัยอย่างเด็ดขาด และจะไปแจ้งความเพิ่ม เชื่อว่าจะมีคนอื่นร่วมด้วย โดยเฉพาะผู้หญิงต้องมีส่วนรู้เห็นการรับผิดชอบ ก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะรับผิดชอบได้ยังไง ก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
Advertisement