จากกรณีเพจวารินชำราบบ้านเฮาอุบลราชธานี โพสต์คลิปภาพวงจรปิดชายลักษณะแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เดินลงจากกุฎิพร้อมกระเป๋าผ้า ภายในมีเงินสดจำนวน 3 แสนบาท ระบุ ข้อความปลอมเป็นพระขโมยเงินที่กุฏิพระอาจารย์ ความเสียหาย 3 แสนกว่าบาท รอบที่2 แล้วครั้งก่อนแสนบาท เหตุเกิดประมาณเช้าวันที่ 5 เมย.68 ช่วงงานบุญ ณ.วัดไตรสิกขาโชติปัญญาราม บ.นาดู่ ต.นาดี อ.นาเยีย จ.อุบลฯ เดือนธันวาคมปีที่แล้ วปฎิบัติธรรมครั้งแรก พระอุปทานหลวงพ่อสมภพ เตรียมปัจจัยที่จะจ่ายค่าฟางปูพื้นสถานที่
และค่าใช้จ่ายปฏิบัติธรรม 100,000 บาท เงินก็หาย 100,000 บาท และเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมานี้เป็นวันแรกของการปฎิบัติธรรม ช่วงประมาณตอนเช้าพระ รวมตัวกันออกบิณฑบาต ในกล้องวงจรปิด ได้เห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวเลียนแบบพระสงฆ์ เข้าไปบุกกุฎิเจ้าอาวาส ได้ขโมยเงินค่าทำโรงครัวไปถึง 300,000บาท ตอนที่ท่านเจ้าอาวาส กลับไปถึงกุฎิ หลังจากกิจวัตรในงานปฎิบัติธรรมช่วงเช้าเสร็จได้เห็นกุญแจที่ตัวเองซ่อนไว้ ไม่อยู่ที่เดิมจึงรู้ว่าปัจจัยที่จะสร้างโรงครัวโดนขโมยไปแล้ว
ล่าสุด พ.ต.ท.สุรชาติ ยอดคำ สารวัตรสอบสวนสภ.นาเยีย พร้อมชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายในวัดไตรสิกขาโชติปัญญาราม บ.นาดู่ ต.นาดี อ.นาเยีย ตามที่ระบุไว้ โดยมีพระมหาหนูกาญจน์เจ้าอาวาสวัด เปิดเผย ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตนทราบเรื่องว่าเงินหายเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 5 เม.ย.หลังกลับมาจากกิจกรรมสรงน้ำ พระอาจารย์สมภพโชติปญฺโญุพระนักปฏิบัติชื่อดังทางภาคอีสาน
เมื่อกลับมาถึงกุฎิตน พบว่ากุญแจกุฎิที่ซ่อนไว้ บนเก้าอี้นั่งหน้าห้องออกมาอยู่ด้านนอก จึงได้เปิดประตูเข้าไปดูความผิดปกติภายในกุฎิ ปรากฏว่า กระเป๋าผ้าที่ใส่เงินสด เตรียมไว้จ่ายค่าอุปกรณ์ก่อสร้างโรงครัวจำนวน 3 แสนบาท ได้หายไป แต่ตอนนั้นตนเองยังไม่ว่าง ที่จะมาไล่ดูกล้อง จนกระทั้งเมื่อคืน(16เม.ย.68) เวลาประมาณ 20.00 น. ตนมานั่งไล่ดูกล้อง พบว่ามีชายแต่งกายคล้ายพระสวมหมวกไหมพรม ลงจากกุฏิพร้อมกระเป๋าผ้า ที่ใส่เงินไว้ ตอน 08.10 น.ของวันที่ 5 เม.ย.
ซึ่งจากการดูคลิปอย่างละเอียดแล้ว ตนเองไม่คุ้นหน้าและคิดว่าไม่น่าจะเป็นพระจริง เนื่องไม่ใส่อังสะและช่วงนี้อากาศร้อนไ ม่มีพระที่ไหนใส่หมวกไหมพรม ประกอบหัวไหล่ที่อยู่ด้านนอกผ้าจีวร มีผิวขาวผิดปกติหากเป็นพระจริงหัวไหล ที่พ้นออกมาจากจีวรจะเป็นรอยไหม้ชัดเจน
พระมหาหนูกาญจน์ เล่าอีกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 5ธ.ค.67 วันนั้นเป็นวันที่กิจกรรมปฏิบัติธรรมมีพระสงฆ์ และญาติโยมมาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครเข้ามาที่กุฏิของพระอาจารย์สมภพ ขโมยเงินสดที่เบิกมาจ่ายค่าฟางแห้ง สำหรับปูพื้นให้ผู้ปฏิบัติธรรมจำนวน 1 แสนบาทไป ซึ่งครั้งนั้นก็ไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด ถือว่าเป็นกรรมที่ตนเองเก็บรักษาไม่ดีความเสียหายทั้ง 2 ครั้งรวม 4 แสนบาท
หลังจากนั้นจึงได้มีการติดกล้องวงจรปิด และล็อคประตูหน้าต่างอย่างดี ก็ไม่คิดว่าครั้งนี้ จะมาโดนที่กุฏิของตนเอง หลังเกิดเหตุได้เล่า ให้เรื่องที่เกิดขึ้นให้กับญาติโยมฟัง และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามคนร้าย
เบื้องต้นพระมหาหนูกาญจน์ บอกว่าไม่ติดใจถือโทษโกรธคนร้าย เพราะโจรเค้าก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่หากว่าเห็นข่าวมีจิตใจสำนึกก็ขอให้เอามาคืน จะมากจะน้อยก็ไม่ว่าหรือหากเอาไปใช้เลี้ยงดูครอบครัวลูกหลานแล้ว ก็ไม่เป็นไรขอให้มาบอกกันนิดนึง สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดของตนด้วยที่ประมาท
ทางด้านคดีเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้นำภาพวงจรปิดที่เก็บได้โดยรอบนำไปเปรียบเทียบ กับผู้ต้องโทษในพื้นที่และส่งให้กับเครือข่ายกำนันผู้ใหญ่บ้าน ในการตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของทางวัดเป็นอย่างดี จึงเลือกลงมือในช่วงที่ทางวัดมีกิจกรรมมีคนมาจำนวนมากๆ แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ
Advertisement