จากกรณีที่นาย สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช อายุ 28 ปี ผู้สมัคร สท.ลำลูกกา ทีมธัญญก้าวหน้า ลูกชายคนสุดท้องของ “นายกเบี้ยว” นาย กฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเป็นน้องชายของนาย มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ หรือ สส.ฟลุ๊ค สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย
ซึ่งเป็นคนขับรถเก๋งหรู BMW ป้ายแดง ปาดหน้า นายประจักษ์ และนางสมศรี สองสามีภรรยา ลุงกับป้าที่ขับรถกระบะสีดำ จนเกิดอุบัติเหตุกลางมอเตอร์เวย์ ทำให้คู่กรณีได้รับบาดเจ็บ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดวันที่ 18 เม.ย. 68 ที่สภ.ลำลูกกา พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในส่วนของการดำเนินคดีอาญา หลังรับสำนวนมาจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง กรณีนาย สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช ขับรถ BMW เบียดรถกระบะลุงกับป้า เป็นเหตุให้ลุงได้รับบาดเจ็บสาหัสว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวแบ่งคดีออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกคือความผิดของลุงคนขับรถกระบะ ซึ่งจากหลักฐานของกล้องวงจรปิด พบความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของกองบังคับการตำรวจทางหลวง
ส่วนที่สองเป็นคดีอาญา ที่ สภ.ลำลูกกาเป็นผู้รับผิดชอบ โดยคดีนี้จากการพิจารณาแล้ว ไม่ใช่การขับรถโดยประมาท แต่อาจเข้าข่ายเจตนามุ่งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งตำรวจไม่กังวลว่าข้อหาที่เตรียมจะตั้งว่าผู้ก่อเหตุจะถึงขั้นหลบหนี โดยทั้งหมดจะต้องไปดูรายละเอียด พยานและหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่ตอนนี้กำลังเร่งรวบรวมควบคู่ไปกับการเรียกสอบพยานแวดล้อมทั้งหมด โดยเมื่อวานนี้ได้มีการสอบปากคำป้าแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากลุงยังพักรักษาตัวอยู่ห้องไอซียู จึงยังไม่สามารถให้การได้
พ.ต.อ.ถิรเดช กล่าวต่อว่า ด้านฝั่งของนายพีชนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามาแต่อย่างใด รวมถึงทางฝั่งของคนในครอบครัว และคนใกล้ชิด ก็ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาเช่นกัน
ทั้งนี้ไม่กังวลว่าทางตัวผู้ก่อเหตุ และครอบครัวเป็นครอบครัวนักการเมืองท้องถิ่น ยืนยันว่าทำตรงไปตรงมา และทำตามข้อกฎหมาย
ในส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทะเบียนรถป้ายแดง ไม่มีอยู่ในระบบขนส่งนั้น ตรงนี้จะต้องทำการประสานไปยังกรมขนส่งทางบก เพื่อตรวจสอบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอมหรือไม่ ส่วนกรณีป้ายแดง โดยปกติแล้วจะขึ้นในระบบด้วยหรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็จะขอตรวจสอบอีกครั้ง
พ.ต.อ.ถิรเดช กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนกระแสข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ว่า ไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี จะไม่สามารถดำเนินคดีกับนายพีชได้นั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบพยานและหลักฐานแล้ว คดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ พอหลังจากที่เข้าไปสอบปากคำป้า ซึ่งเป็นฝั่งผู้เสียหายแล้ว ตำรวจสามารถรับสำนวนกลับมาเป็นคำร้องทุกข์ได้เลย อย่างไรก็ตามต้องขอเวลาให้ตำรวจได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐายให้รัดกุม ยืนยันว่าจะเร่งรัดออกหมายเรียกให้เร็วที่สุด
Advertisement