Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ลูกพีช" เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตะคอกสื่อ "ใครเอากล้องโดนหัวผม"

"ลูกพีช" เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตะคอกสื่อ "ใครเอากล้องโดนหัวผม"

18 เม.ย. 68
19:18 น.
แชร์

นายกเบี้ยว ยอมรับโกรธและดุลูกชายแล้ว ขณะที่ "ลูกพีช" เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตะคอกสื่อ "ใครเอากล้องโดนหัวผม" ก่อนบอก "ผมเพิ่งไปเย็บมา"

วันที่ 18 เม.ย. 68 นาย สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช ผู้สมัคร สท.ลำลูกกา ทีมธัญญก้าวหน้า ลูกชายคนสุดท้องของ “นายกเบี้ยว” นาย กฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี และเป็นน้องชายของนาย มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ หรือ สส.ฟลุ๊ค สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ามาที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 พร้อมกับนาย กฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว ซึ่งเป็นบิดา 

ทันทีที่มาถึงนายพีช เดินเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวน โดยขึ้นทางบันไดด้านข้างอาคาร พยายามที่จะเลี่ยงให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน 

ขณะที่ นายกเบี้ยว เปิดเผยถึงกรณีนาย สมิทธิพัฒน์ ขับรถเบียดคู่กรณีบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เป็นเหตุให้คู่กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัสว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหาขับรถโดยประมาทตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก และในส่วนของรถBMW ยังไม่ได้เอามาด้วยในวันนี้ แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย. 68) เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง และยังยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริง และเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด 

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการสับสนว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจในวันนี้นั้นอาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาด เพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงนักข่าวยังโทรถามตัวเองก็ยังยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา ซึ่งตอนแรกตัวเองยังยืนยันที่จะไม่ได้เดินทางมาจริง แต่พอได้คุยกับพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งกลับมาว่า หากไม่เดินทางมาวันนี้ก็ต้องออกหมายเรียก จึงตัดสินใจหันหัวรถกลับมา และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ย้ำว่าไม่หลบหนีอยู่แล้ว 

ส่วนในเรื่องของคลิปเสียงที่มีการแบ่งกับตำรวจด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มี แต่หากว่ามีคลิปออกมาก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตัวเองยอมทุกกรณีอยู่แล้วไม่เคยพูดว่าลูกตัวเองไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคม ที่ลูกชายตัวเองทำผิดพลาดไป และตัวเองไม่มีอิทธิพลใดใด หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น 

ในส่วนจะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พ.ค. ที่จะมาถึง หรือไม่ นายกฤษฎา กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้านแต่หากยังได้รับการไว้วางใจก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ 

พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้ตัวเองย้ำ และสั่งสอนตักเตือนนายพีชมาตลอด ซึ่งในฐานะลูกชายคนเล็กก็จะต้องค่อยๆ สอนค่อยๆ ตะล่อม หากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายก็จะเตลิดได้ ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็เข้าใจในเรื่องของกฎหมายบ้างแล้ว ครั้งนี้ลูกชายตัวเองเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้ ซึ่งช่วงระยะหลังอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป ส่วนลูกชายที่เป็น สส.พรรคการเมืองใหญ่ก็มีอารมณ์โมโหน้องชาย แล้วก็ได้พูดคุยกับน้องชายแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงน้องชาย แต่ยังไม่เจอกัน และในส่วนของภรรยาพอรู้ว่าลูกชายคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ขึ้นก็ร้องไห้เป็นทุกข์ 

นายกฤษฎา ยอมรับลูกชายอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อนด้วยอายุ หากย้อนกลับไป 40 ปีตัวเองก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วก็ทำไม่ได้ ซึ่งในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้นก็อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ และลูกชายยังไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ 

นายกฤษฎา ยังปฏิเสธว่า ไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเลย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องและตัวเองก็ไม่เคยโทรศัพท์หากับผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี 

ขณะที่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจทางหลวงนายกฤษฎา มีอารมณ์และพยายามพูดขอกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่า อย่าถามคำถามในลักษณะชี้นำหรือจี้ให้เกิดอารมณ์กันเลยเ พราะตัวเองและครอบครัวก็ยอมทุกอย่างแล้ว ไม่เคยคิดจะตั้งป้อมสู้และไม่เคยรังเกียจสื่อมวลชนเลย 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน นายพีช ได้ออกมาจากห้อง พร้อมยกมือไหว้ และพูดว่า “ผมขอโทษทุกอย่างไปหมดแล้ว และยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปพบคู่กรณี” พร้อมย้ำว่า เป็นอุบัติเหตุ ขอโทษอีกครั้ง 

จังหวะที่นายพีชจะก้าวขึ้นรถ บังเอิญมีกล้องของช่างภาพสำนักหนึ่งไปกระแทกศีรษะของนายพีช ทำให้นายพีชหันมาด้วยการชักสีหน้า ตะคอกกลับมาที่สื่อมวลชน "ใครโดนหัวผม หัวผมเพิ่งเย็บมา" แล้วก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่คนติดตามจะหันมาย้ำกับสื่อมวลชนว่า น้องผมเย็บศรีษะมา 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.8 บก.ทล.2 แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นอันตรายกับบุคคลอื่น, ใบขับขี่สิ้นอายุ, นำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ โดยนายพีชให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ปรับข้อหาละ 2,000 บาท รวมแล้ว 6,000 บาท

Advertisement

แชร์
"ลูกพีช" เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตะคอกสื่อ "ใครเอากล้องโดนหัวผม"