ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 บ้านโคกล่าม ต.จุตรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด บ้านตามภูมิลำเนาของจ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา (ช่างเครื่อง) ตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกที่ชะอำ โดยทางพ่อแม่ อยู่จ.ร้อยเอ็ด มีความยากจนและไม่สะดวกที่จะเดินทางมารับศพ
เมื่อไปถึงบ้านทีมข่าวก็พบว่าญาติๆมานั่งรวมให้กำลังใจกับครอบครัวของ จ.ส.ต.ประวัติ บริเวณฝาผนังยังมีรูปของจ.ส.ต.ประวัติแต่งกายชุดตำรวจติดอยู่ ซึ่งเป็นความภูมิใจของครอบครัว ขณะที่นายประดับ พลหงสา อายุ 26 ปี น้องชายของ จ.ส.ต.ประวัติ ที่มีอาการพิการจากอุบัติเหตุ ก็ได้นำชุดตำรวจของพี่ชายมาให้ผู้สื่อข่าวดูด้วยความภาคภูมิใจของครอบครัว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางทัศน์ พลังงาน แม่ผู้ตาย อายุ 67 ปี เผยว่าตนเองทราบข่าวจากชาวบ้าน ตอนแรกก็ยังไม่มั่นใจ หลังจากนั้นไม่นานญาติก็มาแจ้งข่าวว่าขณะนี้มีรายชื่อขึ้นมาแล้วและเสียชีวิตแล้ว จากนั้นรองผู้การฯโทรมาหา จึงทำให้ตนมั่นใจว่าลูกชายนั้นเสียชีวิตแล้ว ปกติตนกับลูกไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเมษายนปีที่แล้ว เนื่องจากลูกชายกลับมาบวช แต่ 2 วันก่อนเกิดเหตุก็จะโทรคุยกันอยู่ โดยลูกชายก็บอกว่าไปกระโดดร่มที่หัวหิน ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจอะไรจนวันเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ยอมรับภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจของลูก แต่วันนี้มาสูญเสียก็รู้สึกเสียใจ เพราะตนเองมีลูก 2 คน และผู้ตายเป็นลูกชายคนโต และเสียใจที่ลูกชายของตนนั้นต้องเสียชีวิตทั้งที่อายุยังน้อย ยอมรับหลังทราบข่าวรับไม่ได้เข่าอ่อน ไม่มีแรงตั้งสติไม่ได้สงสารลูก
หลังจากนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการและตนก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับศพลูกอยู่ที่บ้านไม่ได้เดินทางไปกทม.แต่อย่างใด โดยก่อนเกิดเหตุก็มีลางสังหรณ์อยู่บ้าง ฝันไม่ดีอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามตนได้ทราบว่าทางผู้บังคับบัญชาเตรียมที่จะปูนบำเหน็จให้กับลูกชาย ซึ่งตนไม่อยากได้เงิน แต่อยากได้ชีวิตของลูกชายคืนมามากกว่า เพราะเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว
ส่วนทางด้านนายปานทอง พลหงสา พ่อผู้ตาย อายุ 62 ปี เผยว่าส่วนตัวตนเองก่อนเกิดเหตุก็ไม่ได้รู้สึกอะไรผิดปกติและไม่ได้ฝันใดๆที่เป็นลางบอกเหตุ ซึ่งส่วนมากตนเองจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับลูกมากนัก ส่วนมากเขาจะคุยกับแม่ของเขา แต่ลูกชายของตนก็จะเป็นคนคอยส่งเงินให้กับที่บ้านอยู่เป็นประจำ หลังจากเกิดเหตุก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ทางครอบครัวก็ต้องสู้กันต่อไป หลังจากลูกของตนเสียชีวิตและมีการปูนบำเหน็จให้ตนเองไม่อยากได้อยากได้ลูกกลับคืนมามากกว่า
ด้านของนายประดับ พลหงสา อายุ 26 ปี น้องชายผู้มีอาการพิการ ก็เปิดเผยว่าตัวเองรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะเกิดกับครอบครัว เพราะพี่ชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนตนตอนนี้แทบช่วยเหลืออะไรครอบครัวไม่ได้เพราะพิการจากการถูกรถชน
ตนมีความสนิทกับพี่ชายมากๆ ก่อนหน้านี้ตอนไม่พิการก็ไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ กทม.แต่แล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนพิการก็ต้องกลับมาอยู่บ้านไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้
Advertisement