เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 26 เม.ย.68 หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.คูคต ได้ไล่ล่าจับกุมนายสปาย แก้วโสม อายุ 25 ปี หรือ สปาย ผู้ต้องหาตามหลายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืน ซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน และนายณัฐวุฒิ หรือ มอส แก้วน้อย อายุ 29 ปี พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ โดยจับกุมได้ที่ ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ด้าน พ.ต.อ.กาณตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต ได้ให้ข้อมูลว่าเนื่องมาจากเวลาประมาณ 20.45 น.วันที่ 20 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่รพ.ทราบชื่อ น.ส.วันวิสา สุมาภรณ์ หรือ น้องแตงโม อายุ 17 ปี
จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในซอยเทศบาลเมืองลำสามแก้ว ม.6 ต.ลำสามแก้ว อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำพยานบุคคลทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิตได้ไปนั่งกินหมูกระทะที่ร้านแห่งหนึ่ง หลังตลาดนานาเจริญ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แล้วเกิดการมองหน้ากันกับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ
จากนั้นตำรวจได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางก่อนและหลังเกิดเหตุ จนทราบตัวผู้ก่อเหตุและรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับ โดยผู้ต้องหาได้หลบหนี
เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งรางวัลนำจับ หากท่านใดแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมนายสปาย แก้วโสม เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท กระทั่งนำไปสู่การจับกุมตัวเมื่อวานนี้ ( 25 เม.ย.68) จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้พร้อมเพื่อนที่พาหนี และรถจักรยานยนต์
ซึ่งเมื่อนายสปาย (ผู้ต้องหา) ได้ก่อเหตุแล้วก็หลบหนีไปและเดินทางไปหาเพื่อนที่มีบ้าน อยู่ในซอยพหลโยธิน 92 และพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ได้นำตัวนายณัฐวุฒิ หรือ มอส แก้วน้อย อายุ 29 ปี ไปส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ต่อมา ทางเจ้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ได้มีการคุมตัวนายสปาย ผู้ต้องหาไปทำแผลประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้น ทางผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ ซึ่งทางผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุยิงนางสาวแตงโม จริง แต่ไม่ได้หวังผลให้นางสาวแตงโมเป็นผู้เสียชีวิต
ในส่วนสาเหตุนั้น เกิดจากระหว่างที่ตนกับกลุ่มเพื่อนนั่งรับประทานหมูกระทะกันอยู่นั้น ช่วงที่กลุ่มผู้ตายเดินผ่านโต๊ะของตน ก็มีวัยรุ่นชายที่อยู่ในกลุ่มผู้ตายพูดขึ้นมาว่า “นี่มันไอ้พวก 92 ” ซึ่งเท่าที่ตนทราบ ก่อนหน้านี้วัยรุ่นชายในกลุ่มผู้ตายนี้เคยมีเรื่องบาดหมางใจกับกลุ่มเพื่อนของตนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกัน
หลังจากนั้น ตนจึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามกลุ่มผู้ตายไปจนถึงกลุ่มเกิดเหตุ ก่อนจะใช้อาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงที่พกติดตัวมานั้นยิงใส่กลุ่มของผู้ตาย เพื่อที่ต้องการขมขู่ และยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการจะหมายเอาชีวิตใคร และในขณะเดียวกันกลุ่มวัยรุ่นชายในฝั่งของผู้ตาย ก็ได้มีการใช้ปืนยิงสวนกลับที่ตนเองหนึ่งนัด หลังจากที่ก่อเหตุแล้ว ตนเองก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่า แฟนสาวไม่ได้เป็นคนบอกให้ยิง ซึ่งตนก็อยากจะขอโทษกับญาติของผู้เสียชีวิต เพราะตนก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้น้องแตงโมเสียชีวิต ตนก็ต้องยอมรับโทษที่เกิดขึ้น สำหรับปืนที่ก่อเหตุเป็นของเพื่อนตนเอง ที่มากินหมูกระทะด้วยกัน โดยปืนเป็นชนิดแบงค์กันดัดแปลง
ต่อมาทางเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายสปาย (ผู้ก่อเหตุ) มาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณทางโค้งภายในซอยผู้ใหญ่กำนัน ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
โดยจากการนำตัวผู้ต้องหามาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นั้น พบว่ามีจุดยิงทั้งหมด 3 จุด จุดละ 1 นัด รวมเป็น 3 นัด
สำหรับที่มาชี้จุดคือนัดสุดท้าย จุดที่ 3 และถูกกลุ่มผู้ตายยิงสวนกลับมาก่อนที่ผู้ต้องหา จะวนรถขี่หลบหนีตามคำกล่างอ้างของผู้ต้องหา โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในขณะที่ทางเจ้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ทีมข่าวได้พยามสอบถามผู้ต้องหาว่า หลังจากก่อเหตุเสร็จได้ประกาศว่าขอสู้ตาย จริงหรือไม่ นายสปาย ตอบว่า ตนเองไม่ได้พูดแบบนั้นเพราะตอนหลบหนีไม่มีโทรศัพท์ หลังจากก่อเหตุเสร็จก็ไปหานายมอสให้เป็นคนพาหลบหนี และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า เหตุใดจึงต้องไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี ทางผู้ต้องหาบอกว่า ”ผมไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย“ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง
Advertisement