Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เณรวัย 16 ปี น้ำตาคลอ ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีม้า

เณรวัย 16 ปี น้ำตาคลอ ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีม้า

28 เม.ย. 68
09:47 น.
แชร์

เณรวัย 16 ปี น้ำตาคลอ ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีม้า จากที่หวังขายบัญชีเกมได้เงิน 2 พัน กลับถูกหมายเรียกฉ้อโกง 2 แสน

(28 เม.ย. 2568) น.ส.อรทัย (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี เดินทางพา นายพงศธร หรือ เณรโชกุน อายุ 16 ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งบวชเป็นสามเณรในพื้นที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือ "ทนายกบ" ที่สำนักงานกฎหมายทนายกบบุญเกิด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เปิดบัญชีม้า โดยอ้างว่าจะมีค่าตอบแทนให้จำนวน 2,000 บาท หลังจากเปิดบัญชีตามที่ถูกชักชวน กลับได้รับค่าจ้างเพียง 100 บาทเท่านั้น ก่อนถูกออกหมายเรียกผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ลงวันที่ 4 เม.ย.68 ในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานฉ้อโกงฯ ไม่พอพบเงินหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 200,000 บาท ในระยะเวลาเพียง 5 ชม. ก่อนถูกธนาคารอายัติบัญชี

นายพงศธร หรือ เณรโชกุน เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตนร้อนเงินจึงโพสต์ขายไอดีเกมผ่านกลุ่มซื้อขายเกม ROV ในเฟซบุ๊ก จนมีมิจฉาชีพโปรไฟล์เป็นผู้หญิงติดต่อมา เสนอให้เปิดบัญชีธนาคารแลกกับเงิน ตนตอบตกลงและสอบถามขั้นตอน มิจฉาชีพบอกว่าให้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรี แลกกับเงินจำนวน 2,000 บาท พร้อมส่งขั้นตอนการเปิดบัญชีมาเป็นรูปภาพ เมื่อเปิดบัญชีเสร็จ ทางมิจฉาชีพก็เชิญเข้ากลุ่มไลน์เพื่อทำขั้นตอนต่อไปโดยในกลุ่มมีประมาณ 4-5 คน

จากนั้นมิจฉาชีพได้บอกขั้นตอนต่อไปกับเณรโดยต้องสแกนหน้า ผ่าน Video Call โดยเอาหน้าตนไปทาบกับโทรศัพท์อีกเครื่อง และเปลี่ยนเบอร์ OTP เป็นเบอร์ของมิจฉาชีพ หลังจากเปลี่ยนเบอร์ OTP แล้ว ตนไม่สามารถเข้าบัญชีได้อีก หลังเสร็จขั้นตอนทั้งหมด มิจฉาชีพไม่โอนเงิน 2,000 บาทตามที่ตกลงไว้ แต่ให้มาเพียง 100 บาท อ้างว่ามีปัญหากับทีมงาน และจะโอนส่วนที่เหลือให้ภายหลัง

ตนรอนานแต่ไม่มีความคืบหน้า จนมีสายโทรศัพท์จากผู้เสียหายที่ไม่รู้จักโทรเข้า ถามว่าตนคือ นายพงศธร ใช่หรือไม่ ตนตอบว่า ใช่ แล้วถูกผู้เสียหายตวาดใส่ กล่าวหาว่าโกงค่าซื้อมือถือไป 34,000 บาท ตนตกใจมาก พยายามอธิบายว่าตนเองน่าจะถูกหลอกให้เปิดบัญชี และพยายามพูดคุยกับผู้เสียหายในไลน์ แต่ผู้เสียหายเรียกร้องให้คืนเงิน 34,000 บาท ตนยืนยันว่าตนเป็นเพียงเณร ไม่มีเงินใช้คืนจริงๆ และทำการพูดคุยกับผู้เสียหายรายดังกล่าวจนทราบชื่อว่า พี่กานต์ ได้ทำการโทรไปอายัติบัญชีตนในวันนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. ทันที ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลกับพี่กานต์ทั้งหมด และก็ต้องขอขอบคุณมากที่ทำการเร่งอาญัติบัญชี

ต่อมากระทั่งวันที่ 19 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา ตนได้รับหมายเรียกจากตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ในข้อกล่าวหาว่าโกงเงิน ทั้งที่ตนไม่ใช่ผู้กระทำผิด และผู้เสียหายตามหมายไม่ใช่ คุณกาต์ จาก จ.ขอนแก่นที่โทรหาตน แต่เป็นผู้เสียหาย จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีผู้เสียหายกี่ราย รู้สึกกลัวมาก ตั้งแต่เห็นหมายเรียก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องไปช่วยกวาดวัดเพื่อระบายความเครียด จากการค้นหาข้อมูลกฎหมายพบว่า มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ทำให้เครียดยิ่งกว่าเดิม

จากนั้นตนติดต่อผู้ใหญ่ให้พาไปแจ้งความที่ สภ.แม่ลาว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ และไม่รับฟัง อ้างว่าตนเป็นคนขายบัญชีให้เขาเอง ตอนนั้นตนเสียใจมากจนร้องไห้ รู้สึกหมดหนทาง เหม่อลอยเหมือนคนบ้า โชคดีที่มีสามเณรในวัด เจ้าอาวาส คอยปลอบใจ

เณรโชกุน เล่าต่อว่า ตอนแรกพ่อของตนเสียชีวิตประมาณปี 2561 จึงตัดสินใจบวชเณร ไม่อยากสร้างค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และแบ่งเบาภาระแม่ แต่สุดท้ายแม่ก็จากไปเมื่อปี 2566 ตั้งแต่แม่และพ่อเสียชีวิตจนกระทั่งถึงตอนนี้ตนบวชมาแล้วประมาณ 5 พรรษา แต่ด้วยภาวะร้อนเงินและความเกรงใจเจ้าอาวาสที่ป่วย ไม่อยากรบกวนเรื่องเงินทอง จึงตัดสินใจทำตามที่มิจฉาชีพบอก โดยไม่คาดคิดว่าจะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่โตถึงขั้นมีหมายเรียกจากตำรวจ การตัดสินใจเปิดบัญชีในครั้งนี้ เพราะอยากได้เงิน 2,000 บาทมาใช้จ่ายเท่านั้น

วันนี้อยากให้ทนายกบช่วยติดตามจับกุมมิจฉาชีพ เพราะตนตกใจมากที่เห็นยอดเงินในบัญชี พุ่งสูงเกือบ 200,000 บาทภายใน 5 ชั่วโมงในวันเดียว ตอนนี้ตนรู้สึกกังวลมาก กลัวจะติดคุก ทั้งที่เป็นเหยื่อเช่นกัน และไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร หลังจากวันที่ 3 ธ.ค. 2567 ตนเลิกติดต่อกับมิจฉาชีพ และทำการลบแชทไปด้วยความลนลาน ส่วนเฟซบุ๊กของมิจฉาชีพยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ โดยมิจฉาชีพปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวตนของเขา และอ้างว่าถูกแฮกบัญชี โดยการโพสต์ลงกลุ่มบนเฟซบุ๊ก

สุดท้ายตนอยากขอโทษผู้เสียหายทุกคนที่ถูกนำบัญชีของตนไปใช้หลอกลวง หากมีผู้เสียหายเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาที่ตนได้ ตนยืนยันว่าไม่เคยคิดหนี เพราะตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นกัน

น.ส.อรทัย กล่าวว่า ตนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเณรมีศักดิ์เป็นพี่ ได้มาทราบเรื่องว่าเณรถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีออนไลน์ เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา คือวันที่ 24 เม.ย. 2568 โดยรับทราบจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่วัดของเณร จ.เชียงราย หลังจากทราบเรื่อง วันที่ 25 เม.ย. 2568 ตนให้เณรนั่งรถเดินทางมาหาตนที่กรุงเทพ เนื่องจากทางผู้ใหญ่บ้านและท่านเจ้าอาวาสวัดได้ช่วยกันให้กำลังใจ และพาไปแจ้งความที่ สภ.แม่ลาว แต่ตำรวจกลับไม่รับแจ้ง อ้างว่า "เณรเป็นคนเปิดบัญชีให้มิจฉาชีพเอง" เณรจึงได้เดินทางมาหาตน เบื้องต้นก็ได้พูดคุยให้กำลังใจ ไม่มีการต่อว่าใดๆ ทั้งสิ้น เพราะรู้ว่าสภาพจิตใจเณรคงแย่ จึงสอบถามข้อมูลทั้งหมด แล้วเดินทางไปที่ธนาคารต้นเรื่อง เพื่อขอ สเตทเม้นท์ จึงทราบในวันนั้นว่า บัญชีถูกอายัติในวันเดียวกันที่น้องเปิดบัญชีคือวันที่ 3 ธ.ค. 2567 โดย คุณกานต์ ที่เป็นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพใช้บัญชีเณรหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟนจำนวน 34,000 บาท ไปยังบัญชีเณร หากปล่อยทิ้งไว้จำนวนยอดความเสียหายคงเยอะมากไปกว่า 192,788 บาท

จากนั้นก็ได้พาเณรไปกองทุนยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อปรึกษาเรื่องคดีดังกล่าวว่าควรทำอย่างไรต่อ เนื่องจากหมายเรียกครั้งที่ 1 นั้น ให้เณรเข้าไปพบตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ในวันที่ 29 เม.ย. 2568 ซึ่งตอนนั้นตนทำอะไรไม่ถูกได้เพียงคำปรึกษาจากทนายของกองทุนให้ไปรวบรวมเอกสารมา จนกระทั่งตนเห็นทนายกบผ่านสื่อจึงติดต่อขอความช่วยเหลือและเล่ารายละเอียดทั้งหมดก่อนจะเข้ามาพบวันนี้

ซึ่งเรื่องนี้ตนมองว่ากรณีนี้เป็นมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ และจะหาเหยื่อเป็นเด็กเยาวชนที่มีแอพธนาคารดิจิตอล ในสมาร์ทโฟน ซึ่งกรณีนี้มิจฉาชีพรู้ว่าเณรบวชเป็นพระก็ไม่เว้น ซึ่งเรื่องนี้เณรเองก็ยอมรับผิดมาโดยตลอดไม่เคยพูดว่าตนเองถูก เพียงเพราะเงินจำนวน 2,000 บาท เท่านั้นที่คิดว่าจะนำมาใช้กินใช้อยู่โดยไม่เดือดร้อนใคร และพ่อกับแม่เณรก็เสียชีวิตไปแล้ว ตนเข้าใจความรู้สึกทุกอย่าง และได้รับข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านมาว่ากลัวเณรคิดสั้น เพราะเณรเครียดจนกินไม่ได้ บางครั้งก็เหม่อลอย หลังจากทราบเรื่องตนก็ต้องช่วยเต็มที่เพราะเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ยอมรับว่าตนก็เป็นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำเช่นกันไม่มีเงินเยอะ และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ค่อยติดต่อญาติที่เชียงราย หลังจากแม่ของเณรเสียไป แต่ตอนนี้ตนจะช่วยเณรเท่าที่ช่วยได้ และเชื่อว่าเรื่องนี้เณรรู้เท่าไม่ถึงการที่กระทำแบบนั้นไป โดยไม่คิดถึงสิ่งที่ตามมาภายหลัง

ด้าน นายณธัชพงศ์ หรือ ทนายกบ กล่าวว่า ตนได้พยายามติดต่อพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับหมายเรียกคดี แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้สามารถขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ เนื่องจากเณรไม่มีผู้ปกครอง จากการตรวจสอบ พบว่าเณรไม่ได้มีเจตนาโกงผู้เสียหาย และจากข้อมูลบัตรประชาชนยังระบุสถานะเป็น "เด็กชาย" แต่เมื่อเปิดบัญชีธนาคาร ระบบกลับขึ้นว่าเป็น "นาย" ซึ่งถือเป็นความบกพร่องของธนาคารเอง

สำหรับขั้นตอนการเปิดบัญชี มิจฉาชีพใช้โทรศัพท์สองเครื่องเปิดวิดีโอคอลพร้อมกัน เพื่อหลอกระบบสแกนใบหน้าในแอปธนาคาร ขณะนั้นเณรมีอายุเพียง 15 ปี การทำธุรกรรมดังกล่าวจึงถือเป็น โมฆียะกรรม และจะต้องดำเนินการเพิกถอนบัญชีต่อไป

ทนายกบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บัญชีที่มิจฉาชีพใช้หลอกเณรยังคงมีการเคลื่อนไหว โดยมีข้ออ้างว่าถูกแฮกบัญชี แต่จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีที่โอนเงินให้เณรเป็นอีกบัญชีหนึ่ง ไม่ใช่บัญชีที่กล่าวอ้างว่าถูกแฮก ในส่วนข้อกฎหมาย กรณี "บัญชีม้า" มี 2 ลักษณะ คือ หากเจ้าของบัญชีรู้เห็น หรือสนับสนุนให้นำบัญชีไปใช้ในทางทุจริต จะมีความผิดตามกฎหมาย แต่หากไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดก็ไม่ต้องรับผิดเรื่องฉ้อโกง ส่วนกรณีของเณร เนื่องจากยังเป็นเยาวชน จะได้รับการพิจารณาตามกระบวนการของศาลเยาวชน

วันนี้ตนได้พาเณรไปแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพกับพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ที่หลอกลวงไปเปิดบัญชีเพื่อใช้กระทำความผิด ตอนนี้อยากให้เณรไม่ต้องกังวล เพราะความเสียหายขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 95 รายการ ยอดรวมราว 192,000 กว่าบาท และยืนยันว่าจะดำเนินการหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่

นอกจากนี้ อยากฝากถึงธนาคารทั่วประเทศที่ว่า ควรยกเลิกการเปิดบัญชีออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาการใช้บัญชีม้าก่ออาชญากรรมในสังคม พร้อมแนะว่าหากเด็กจะเปิดบัญชีธนาคาร ต้องมีผู้ปกครองร่วมดำเนินการ เพราะเด็กยังไม่มีนิติภาวะ และธนาคารควรตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว และขอฝากถึงผู้ปกครองว่า หากบุตรหลานถูกหลอก อย่าใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่ควรสอบถามและให้กำลังใจ เพราะไม่มีใครให้เงินเราฟรีๆ และทุกการหลอกลวงย่อมมีเจตนาแอบแฝงเสมอ

Advertisement

แชร์
เณรวัย 16 ปี น้ำตาคลอ ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีม้า