จากกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 คน อายุประมาณ 20-30 ปี รุมทำร้ายร่างกายนายสมชาติ ไชยเดชะ หรือ เสี่ยแดง อายุ 42 ปี เจ้าของบริษัทรับเหมาแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์
จุดเกิดเหตุบริเวณถนนทางเข้า-ออก สถานบันเทิงชื่อดังในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา จนทำให้นายสมชาติอาการสาหัส ช้ำในเลือดคั่งในสมอง เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุด 12 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงหลายแห่ง ซึ่งก็มีร้านหลายประเภท มีทั้งผับ ร้านนั่งชิล และร้านอาหารอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
นายมณฑล เกตุภักดี ลูกน้องเสี่ยแดง บอกว่า หลังจากเที่ยวสถานบันเทิงเสร็จก็เดินออกมากับ 3 คน เพื่อจะไปขึ้นรถกลับบ้าน แต่ระหว่างที่จะเดินไปขึ้นรถ เสี่ยแดงได้มีปากเสียงทะเลาะกับแฟน ซึ่งตนเห็นทั้ง 2 คนกำลังทะเลาะกันอยู่ ก็เลยบอกว่าจะเดินไปเอารถก่อน
ซึ่งรถจอดอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เมื่อไปขับรถกลับมาถึงก็เห็นเสี่ยแดงนอนสลบอยู่กลางถนนแล้ว ซึ่งตนก็ไม่เห็นว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น กระทั่งแฟนของเสี่ยบอกว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย รู้สึกเสียใจมากที่เกิดเหตุการณแบบนี้ โดยเฉพาะการรุมทำร้ายแบบนี้ ตนยืนยันว่าตั้งแต่ทำงานร่วมกันมาไม่เคยเห็นเสี่ยแดงมีปัญหากับใคร เชื่อว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ แหล่งสถานบันเทิงหลายแห่ง ทั้งผับ ร้านอาหารกึ่งผับ และร้านอาหารอยู่ในพื้นที่ นายพร ศรีสด อายุ 53 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บริเวณนี้เป็นแหล่งรวมสถานบันเทิง เมื่อถึงเวลาสถานบันเทิงปิด ก็มักจะมีวัยรุ่นตีกันบ่อยครั้ง ตนเห็นบ่อยจนเอือมระอา มองว่าเป็นเรื่องปกติมาก สำหรับกลุ่มวัยรุ่นคนละหมู่บ้านมาเจอกัน บวกกับทุกคนดื่มแอลกอฮอลล์แล้ว ยิ่งทำให้เกิดการปะทะกันได้ง่าย
บางวันตนมาทำงานในตอนเช้า ก็จะเห็นร่องรอยของการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง อาทิ ขวดเบียร์แตก ท่อนไม้ รอยเลือด บางครั้งก็เห็นวัยรุ่นเมาแล้วนอนอยู่บริเวณทางเท้าก็มี โดยเฉพาะวันที่มีคอนเสิร์ต มีวัยรุ่นตีกันแน่นอน มีตั้งแต่เจ็บสาหัสจนไปถึงจขั้นเสียชีวิต
นายต้อม อายุ 28 ปี พนักงานร้านอาหาร เล่าว่า กลุ่มวัยรุ่นมานั่งกินข้าวที่ร้านของตน เวลาประมาณ 03.16 นาที มีเพื่อนขับมอเตอร์ไซค์มาจอด แล้วเดินเข้ามาคุยกับเพื่อน จากนั้นกลุ่มเพื่อน 4-5 คน เดินออกไปจากร้าน หายไปประมาณ 10 นาที ก็กลับมาที่ร้าน แล้วได้มีการเช็คบิลแล้วก็กลับบ้าน ซึ่งสถานการณ์ทุกอย่างดูปกติ
ส่วนตัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เข้าใจว่าเป็นการชกต่อยกันปกติ ไม่คิดว่าจะรุนแรงจนถึงเสียชีวิต จนกระทั่งผู้กำกับลงพื้นที่มายังที่ร้านในวันที่ 10 พ.ย.63 จึงทราบว่านายสมชาติเสียชีวิต ปกติแล้วก็เห็นวัยรุ่นกลุ่มนี้มาทานที่ร้านอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ลูกค้าประจำของร้าน แต่ตนจะพบเห็นวัยรุ่นกลุ่มนี้บ่อย เพราะเป็นกลุ่มที่ชอบมาเที่ยวสังสรรค์ประจำ
ทีมข่าวได้ภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิด เห็นชายเสื้อสีฟ้า-ม่วง เป็น 1 ในผู้ก่อเหตุ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนว่าเป็นใคร เนื่องจากปรากฏในคลิปวงจรปิด
นายสมาน (นามสมมุติ) วัย 38 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ขณะนี้สภาพจิตใจคนในครอบครัวเริ่มทำใจได้บ้าง แต่คนที่ยังทำใจไม่ได้เลย ก็คือผู้เป็นแม่ จะร้องไห้ตลอดทุกครั้งเมื่อมีคนมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในอดีตนายสมชาติเคยทำงานแบงก์มาก่อน ปกติเป็นคนอัธยาศัยดี ทุกคนในพื้นที่รักนายสมชาติกันหมด ส่วนตัวเองโตมากับนายสมชาติมาหลายปี รู้สึกรักและเคารพนับถือเหมือนพี่น้องกันแท้ ๆ เนื่องจากนายสมชาติชอบสอนการใช้ชีวิตและแนะนำสิ่งดีให้กับคนรอบข้างเสมอ การสูญเสียนายสมชาติเป็นความสูญเสียยิ่งกว่าเสาหลัก เพราะสำหรับครอบครัวนายสมชาติเอง อยู่กันแค่ 3 คน มีแม่ น้องสาว และก็นายสมชาติ ทั้งนี้ คนในครอบครัวของนายสมชาติไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจโกรธแค้น ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ส่วนเรื่องแฟนสาวของนายสมชาติเพิ่งคบกันได้ไม่นาน ตนไม่ทราบรายละเอียดมากนัก
น.ส.สุดา แฟนของผู็เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุช่วงที่ตนทะเลาะกับผู้ตาย มีคนขี่รถมอเตอร์ไซค์มา 1 คัน ตะโกนบอกว่า "รอก่อน เดี๋ยวพาเพื่อนมา" จากนั้น ก็มีคนเดินมา พาพวกมาทำร้ายแฟนตน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ สามารถติดตาจับกุมตัว 1 ใน 5 แก๊งวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุคือ นางเก่ง อายุ 27 ปี เป็นอดีตการ์ดผับ เจ้าตัวยอมรับว่าได้เข้าไปร่วมกับกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายเสี่ยแดง ตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดจริง อ้างว่าวันเกิดเหตุไปนั่งกินหมูกระทะกับเพื่อน และรุ่นน้องที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้กับสถานบันเทิง
ต่อมาสถานบันเทิงปิด ก็ได้ยินเสียงโวยวายที่บริเวณถนนปางเข้า-ออกสถานบันเทิง แต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ตอนนั้นตนเห็นว่ารุ่นน้องในกลุ่มกำลังชกต่อยชุลมุนกันอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ไม่รู้จักว่าเป็นใครและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเรื่องอะไรกัน จึงวิ่งเข้าไปร่วมด้วย
นายเก่ง บอกว่า ตนไม่คิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต อยากจะขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายให้ถึงตาย ตอนนี้ก็สำนึกผิดแล้ว หากย้อนกลับไปได้ก็จะไม่เข้าไปก่อเหตุ
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายเก่ง ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ส่วนอีก 4 คน ที่ปรากฏในวงจรปิด ตอนนั้นรู้ตัวทั้งหมดแล้ว กำลังเร่งติดตามตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
Advertisement