จากกรณีโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ แก๊งทวงหนี้ของบริษัทหนึ่งจับลูกน้องกระทืบ และใช้เชือกตีลูกน้องหลายครั้ง ท่ามกลางพนักงานอีกหลายคนที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างหน้าตาเฉยนั้น ล่าสุด ได้มีผู้เสียหายติดต่อมายังทีมข่าว พร้อมทั้งมีการส่งคลิปเพิ่มเติมเข้ามา บอกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ถูกบริษัทเก็บเงินกู้โหดทำร้ายร่างกายเพื่อสั่งสอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โผล่อีก! แก๊งทวงหนี้ทืบลูกน้องไม้เบสบอลตีโคม่า อึ้งให้เงินใช้สูงกว่าจบ ป.ตรี (คลิป)
- คลิปใหม่โผล่! แก๊งเงินกู้กระทืบลูกทีมแหก 3 กฎเหล็ก เผยเบี้ยวส่งดอกเจอซ้อมด้วย (คลิป)
- คลิปโหด! แก๊งทวงหนี้กระทืบแจงภาพเก่า 4 ปี แฉปล่อยกู้ทองดอกโหด 120 ต่อวัน (คลิป)
วันที่ 4 ธ.ค. 63 นายโอ๊ต (นามสมมติ) อดีตผู้ช่วยเจ้าของบริษัท ท. สาขานนทบุรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยทำงานที่บริษัท ท. สาขานนทบุรีมาก่อน โดยเริ่มทำงานตั้งแต่เดือน ธ.ค. 62 ตำแหน่งพนักงานปล่อยเงินกู้ เงินเดือนประมาณ 12,000 บาท ต่อมาตนเองได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยเจ้าของบริษัท และได้เงินเดือนรวมค่าสวัสดิการต่าง ๆ 30,000 บาท
สำหรับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าของบริษัท ตนจะทำหน้าที่ดูแลลูกน้องในบริษัททุกคน ถ้างานมีปัญหา ตนและเพื่อน ๆ ที่ทำตำแหน่งนี้ ก็จะคอยแก้ไขปัญหาให้ ถ้าลูกน้องในบริษัทมีการทำผิดกฎก็จะถูกลงโทษด้วยการตีด้วยแซ่ หวาย ไม้ สายเคเบิ้ล หมวกกันน็อก สายยาง รวมถึงถูกทีมผู้ช่วยรุมกระทืบเหมือนกับในคลิปที่ปรากฏในข่าว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีพนักงานคนไหนถูกลงโทษจนกระทั่งเสียชีวิตมาก่อน
นายโอ๊ต เล่าต่อว่า สำหรับคลิปที่ 1 คลิปในห้องพรหมแดง เป็นคลิปที่เกิดขึ้นในสาขาสมุทรสาคร ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คลิปที่ 2 คลิปที่นายขวัญ เอาหมวกกันน็อกทำร้าย พร้อมกับผู้ช่วยอีก 4 คน รุมทำร้ายนายแป๊ะ ผู้ที่อยู่ในคลิปนั้น ตนเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คาดว่าในคลิปเป็นเหตุการณ์เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2563 โดยนายแป๊ะทำผิดกฎ เพราะรับโอนเงินจากลูกค้าเข้าบัญชีตนเอง
ส่วนคลิปที่ 3 เป็นคลิปที่มีการรุมกระทืบนายฟิว ผู้ชายสวมเสื้อดำที่นอนให้กระทืบในห้องนั้น ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ เกิดขึ้นเดือน พ.ค. 63 นายฟิวทำผิดกฎบริษัทเพราะนินทานายฟิล์ม เจ้าของบริษัท นายฟิล์มจึงสั่งการให้นายขวัญ นายเกมส์ นายจัน และตนเองรุมกระทืบนายฟิว ซึ่งในคลิปจะไม่เห็นตนเองตอนกระทืบ แต่ตนได้กระทืบนายฟิว 2-3 ครั้ง ถ้าใครไปห้ามหรือไปช่วยเหลือก็จะถูกลงโทษไปด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนเองได้ร่วมลงโทษลูกทีมเพียงแค่รายเดียวเท่านั้น ตนลงโทษนายฟิวนั้นในใจตนก็รู้สึกเอือมระอาและรู้สึกผิด แต่ตนก็ต้องทำ เพราะเป็นหน้าที่ ถ้าเราไม่ทำเขา เขาก็ทำเรา และพนักงานทุกคนจะไม่รู้สึกโกรธแค้นกัน เพราะคือกฎที่ถูกตั้งขึ้นมา
สำหรับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าของบริษัทที่ตนเองทำนั้น ได้เงินเดือนประมาณ 18,000 บาท รวมค่าคอมมิชชั่นแล้ว เฉลี่ยประมาณ 30,000 บาท ส่วนนายขวัญผู้ช่วยเจ้าของบริษัทตำแหน่งเดียวกันกับตน แต่เขาเป็นคนที่ทำงานบริษัทนี้มานาน รายได้ประมาณ 60,000 บาท
สำหรับตนเองไม่มีใครชักชวนมาทำงานสายนี้ ตนมาด้วยตัวของตัวเอง ก่อนหน้านี้ประมาณปี 2561 ตนได้ทำงานเป็นพนักงานเก็บเงินกู้ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา โดยมีพนักงานเก็บเงินกู้ 5 คน หัวหน้าบริษัท 1 คน มีกฎของบริษัทเหมือนกับบริษัท ท. และถ้าใครทำผิดจะถูกลงโทษแค่โดนกระทืบหรือถูกตบตีเท่านั้น ไม่มีการใช้อาวุธ กระทั่งปลายปี 2562 ตนได้ลาออกจากบริษัทที่ จ.นครราชสีมา และมาสมัครที่บริษัท ท จ.นนทบุรี ที่ผ่านมาตนเองก็เคยทำผิด ส่งเงินไม่ตรงต่อเวลา จึงถูกเพื่อนร่วมงานรุมตบตี และใช้สายยางตีตามร่างกายประมาณ 10 ครั้ง ตนพักรักษาอาการ 2 วัน ก็กลับมาทำงานต่อตามปกติ
จากนั้น ตนก็ลาออกจากงานที่ บริษัท ท.เมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา สาเหตุเพราะว่าเบื่อหน่ายกับวงการนี้ และอีกสาเหตุเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกค้าที่กู้เงินไปไม่มีเงินส่งดอกเบี้ย ตนเองไปเก็บหนี้ได้มาไม่ครบกำหนดต่อรอบ ตนก็ต้องสำรองจ่ายเอง เช่น ในหนึ่งวันตนต้องเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ให้ได้ 20,000 บาทต่ แต่ตนเก็บได้ 17,000 บาท เนื่องจากลูกหนี้บางคนเจอพิษเศรษฐกิจ ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ตนก็ต้องออกส่วนที่เหลือเอง จึงทำให้ตนตัดสินใจลาออกจากอาชีพนี้ และมาประกอบอาชีพสุจริต โดยการทำงานขับรถรับจ้าง รายได้ 12,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถึงแม้จะรายได้น้อยกว่า แต่สภาพจิตใจตนรู้สึกดีกว่าเดิม เพราะอาชีพใหม่ของตนเป็นงานที่สะอาด
หลังจากที่ตนออกมาจากบริษัท ท. ก็ได้ข้อมูลมาว่า พนักงานเก็บเงินกู้ในบริษัทมีการปรับเปลี่ยนการแต่งกาย จากเดิมกางเกงขายาวเสื้อสีดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า แต่ปัจจุบันนี้แต่งกายด้วยกางเกงขาสั้น เสื้อแขนสั้น หรือบางรายก็แต่งกายด้วยเสื้อของพนักงานส่งอาหาร เพื่อจะไม่เป็นที่สนใจของตำรวจ และโอกาสถูกจับน้อย ส่วนตนเองยืนยันว่าในอนาคตจะไม่กลับไปทำอาชีพเก็บเงินกู้อีกแล้ว ตนมีความสุขกับอาชีพใหม่ที่ตนทำไม่ต้องระแวงว่าตำรวจทหารจะมาลงตรวจค้นวันไหน
อย่างไรก็ตาม มีบุคคลในวงการสีกากีระดับบิ๊กเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ซึ่งเขาจะอยู่สูงกว่านายฟิล์ม เจ้าของบริษัท ท. แต่พวกตนไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ บุคคลในวงการสีกากีก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
สำหรับตนเองก็อยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ถึงคนที่เข้ามาทำอาชีพนี้ ถ้าไม่เจ๋งพอ ไม่นิ่งพอ อยากแค่เข้ามาเพราะทำตัวเท่ ตนก็ไม่แนะนำ เพราะถ้าวันหนึ่งคุณพลาด คุณก็จะโดนกระทำเหมือนในคลิป และทราบว่าล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วตั้งแต่เป็นข่าว
Advertisement