กรณีเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.63 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุพบร่าง นายสมบูรณ์ บุญโพธิ์ชา อายุ 29 ปี เสียชีวิตอยู่ในห้องฟิตเน็ต ในบ้านของแฟนสาว ภายในซอยพหลโยธิน กรุงเทพฯ สภาพศพพบว่าร่างของผู้เสียชีวิตนอนอยู่ที่พื้นบ้าน อีกทั้งมีบาดแผลเลือดออกที่ศีรษะ ปาก ลักษณะศพ มือ เท้า ไม่เกรง ลิ้นไม่จุกปาก
จากการตรวจสอบของแพทย์พบว่า ผู้เสียชีวิตผูกคอตา โดยใช้โซ่ ทำให้ทางญาติก็ยังคงติดใจกับการเสียชีวิตในครั้งนี้ เพราะลักษณะการเสียชีวิตจากการผูกคอตาย ไม่น่าจะมีบาดแผลตามร่างกาย จึงนำร่างส่งชันสูตรที่นิติเวชรพ.ตำรวจ รอผล 45 วัน ส่วนศพของผู้เสียชีวิตได้ฌาปนกิจไปแล้วที่วัดพยอม ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
ล่าสุดวันที่ 16 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านจุดเกิดเหตุบริเวณ เมื่อไปถึงพบว่าในวันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมสอบสวน แฟนสาวของผู้เสียชีวิต พยานบริเวณโดยรอบเพิ่มเติม
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางนิต อายุ 41 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต เปิดใจกับทางทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายสมบูรณ์ บุญโพธิ์ชา หรือ ชีวาส อายุ 29 ปี ตนคบหากับนายชีวาส มานาน 6 ปี ตั้งแต่ที่นายวาส ไม่มีอะไร ก่อนจะมาทำอาชีพนายแบบ ซึ่งตลอดเวลาที่คบกัน ตนก็จะคอยช่วยสนับสนุนเขาตลอด แม้เวลาขัดตกบกพร่องเรื่องการเงิน อีกทั้งตนและนายชีวาส ไม่ได้ทะเลาะกัน เพราะจะคอยให้กำลังใจกันในวันอีกฝ่ายเศร้า หรือมีปัญหาเครียด กระทั่งมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว
ในวันเกิดเหตุ วันที่ 10 ธ.ค.63 เวลา 09.00 น. ตนตื่นได้มาชงกาแฟ ก่อนจะออกไปทำงานเหมือนตามปกติ ส่วนนายชีวาส ก็ได้เดินเข้ามาถามตนว่า "ช่วงนี้เขาผอมไหม" ตนก็บอกว่าก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนายชีวาส ไม่ค่อยได้นอน กินข้าวไม่ลงมา 2 วันแล้ว
เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ย.63 ที่ผ่านมา นายชีวาส ประสบอุบัติเหตุรถบิ๊กไบก์คว่ำ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ปวดที่บริเวณแขน-ขา จึงรับงานไม่ได้ ต้องพักฟื้น และช่วงวันที่ 5 ธ.ค.63 ก่อนเสียชีวิต ก็มีปัญหากับที่ทำงาน โดนปลดออกจากงาน เพราะผลจากอุบัติเหตุ เลยทำงานได้ไม่เต็มที่ดึงลูกค้าเข้าร้านได้น้อย นายชีวาสจึงเกิดความเครียดที่ขาดรายได้ในอาชีพนายแบบไป 3-4 หมื่นบาท/เดือน
อีกทั้งเคยบ่นกับตนว่า อยากตายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนก็ให้กำลังใจตลอด พร้อมทั้งพาไปตรวจที่ รพ.ศรีธัญญา เนื่องจากเกรงว่า นายชีวาส จะมีสภาวะเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเหม่อลอย บนอยากตาย และถามตนว่า ถ้าตายตนจะอยู่ได้หรือไม่ และเคยรับยา 2 ครั้ง
จากนั้นตนก็ออกไปทำงานช่วง 11.00 น. กระทั่งเวลา 16.30 น. หลังเลิกงานตนกลับมาบ้าน เห็นประตูหน้าบ้านถูกปิดล็อกจากด้านใน เลยพยายามเรียกนายชีวาส แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ในตอนแรกก็เข้าใจว่า คงจะนอนหลับอยู่บนบ้าน แต่นึกได้ว่า ประตูด้านข้างบ้านไม่ได้ล็อกไว้ เลยเดินอ้อมไป เปิดประตูเข้าไปจนไปพบว่า นายชีวาส แขวนคอตัวเองกับโซ่ของเครื่องเล่นฟิตเนส สภาพปากเขียว ตัวแข็ง ลิ้นจุกปาก
ทั้งนี้ด้วยความตกใจ รีบไปช่วยนายชีวาสลงมาจากโซ่ เลยวิ่งไปพยายามดันคางของนายชีวาสออก แต่ปรากฏว่า ร่างของนายชีวาส มีน้ำหนักมาก กลับร่วงลงกับพื้นหัวฟาด นอนหงายเลือดไหล ก่อนตนจะพยายามปั๊มหัวใจแต่ก็ไม่ดีขึ้น จึงรีบโทรแจ้งครอบครัวของนายชีวาส และตำรวจเข้าช่วยเหลือตรวจสอบที่เกิดเหตุ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และการที่นายชีวาส ร่วงลงมาหัวฟาดจนมีแผลบริเวณศีรษะ เป็นอุบัติเหตุ จากการที่ตนพยายามจะช่วยนำร่างของนายชีวาสลงมาจากโซ่ที่ผูกคอ อีกทั้งประเด็นที่ญาติติดใจเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชีตนหลักแสนบาท และคิดว่าอาจเป็นปมเหตุ ตนยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะเงินที่โอนมานั้น เป็นเงินที่ตนเคยให้นายชีวาส ยืมไปก่อนหน้านี้ ขณะที่มีปัญหาด่านการเงิน นายชีวาสเลยโอนเงินคืนมาให้ตน
อย่างไรก็ตาม ตนจึงอยากชี้แจ้งให้เข้าใจว่าตนและนายชีวาส ไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกัน แต่เป็นเพราะปัญหาความเครียดส่วนตัวของเจ้าตัวมากกว่า ทั้งนี้ตนก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เพื่อรอผลนิติเวชอีกครั้งว่าสาเหตุการเสียชีวิตมีความเป็นมาอย่างไร เพื่อทางญาติที่ติดใจอยู่จะได้สบายใจ
สุดท้ายนี้หากตนมีโอกาสได้พูดกับนายชีวาสที่เสียชีวิตไป ตนอยากบอกว่า "เสียใจ-รักมาก ขอโทษที่วันเกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เลยทำให้คิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะหากตนอยู่ด้วยคงจะไม่ทำแบบนี้" นอกจากนี้ หลังจากที่ผู้เสียชีวิตทำการผูกคอตายแล้ว ได้มีการไปเข้าฝันพี่ชาย ปรากฏภาพให้เห็น เดินจูงหมาอยู่บริเวณหน้าบ้านและได้พูดกับพี่ชายว่า มาลา ขอโทษที่ที่ก่อเหตุ
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่ สน.บางเขน เพื่อสอบถามข้อมูลคืบหน้ากับทางเจ้าที่ตำรวจ แต่กลับพบว่าวันนี้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตเดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางวันเพ็ญ บุญโพธิ์ชา อายุ 51 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนยอมรับว่า ขณะนี้ยังคงติดใจการเสียชีวิต เนื่องจากลักษณะการเสียชีวิตของลูกชาย ไม่เหมือนกับการผูกคอเสียชีวิต เพราะมีบาดแผลบริเวณศีรษะเลือดออก จึงไม่มั่นใจว่าจะเป็นการเสียชีวิตเพราะแฟนลูกชายเข้าไปช่วยแล้วพลัดร่วงลงมาหัวกระแทกเองหรือไม่ อีกทั้งเมื่อตนไปดูศพลูกชายที่จุดเกิดเหตุ สภาพศพลูกก็ไม่ได้เกรง หรือลิ้นจุกปาก ตนจึงสงสัยว่าผูกคอตายได้อย่างไร
เพราะส่วนตัวตนเลี้ยงลูกชายมา ก็ไม่เห็นว่าลูกชาย จะมีแนวโน้ม หรือเคยมาพูดปรึกษาอะไรที่คิดว่าจะผูกคอตายได้ อีกทั้งยังเป็นเด็กร่าเริง ชอบทำบุญ เวลามาหาตนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนปกติ ตนและครอบครัวเลยติดใจในส่วนนี้ แต่ก็เป็นเพียงความคิดส่วนตัว ไม่ได้กล่าวอ้างหรือคิดว่า แฟนลูกชายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตในครั้งนี้
แต่ต้องรอผลชันสูตรจากนิติเวช รพ.ตำรวจอีกครั้งว่า ความเป็นจริงแล้วลูกชายเสียชีวิตเนื่องจากอะไร ซึ่งหากผลปรากฎออกมาว่า ลูกชายถูกฆาตกรรม ตนก็จะไม่ยอมเหมือนกัน และพร้อมดำเนินคดีเอาผิดคนร้ายตามขั้นตอนของกฎหมายถึงที่สุด ส่วนแฟนลูกชาย หลังเกิดเหตุตนยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยรายละเอียดใด ๆ เพราะปกติตั้งแต่ที่ลูกชายของตนคบหากับแฟนลูกชาย ตนก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับแฟนลูกชายอยู่แล้ว
ร.ต.อ.กิตติธัช ธรฤทธิ์ ร้อยเวรคดี สน.บางเขน ระบุว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนพยานเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมไปถึงพยานแวดล้อมไกลบ้านจุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด รวมถึงต้องรอผลตรวจจากทางนิติเวช เพื่อยืนยันการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง เพื่อดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
Advertisement