กรณีตำรวจ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งว่ามีคนผูกคอเสียชีวิต ภายในวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ต้นไทรภายในวัด ติดกับศาลาพญานาค พบศพนายเรืองเดช สีชา อายุ 38 ปี ใช้รากของต้นไทรที่ห้อยลงมา ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในท่านั่งบนม้าหินอ่อน สภาพสวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ บริเวณรอบคอมีรอยถลอก ไม่พบบาดแผลตามร่างกายและร่องรอยการต่อสู้
นอกจากนี้ ยังพบสุนัขเพศผู้ ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ศพและเห่าเรียกผู้เสียชีวิตตลอดเวลา ต่อมาทราบว่าสุนัขตัวดังกล่าวเป็นของผู้เสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 2 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ วัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า ต.นิคม จ.บุรีรัมย์ พบว่าใต้ต้นไทร มีม้านั่งหินอ่อน ข้างกันพบว่ามีศาลพญานาคราช อยู่ติดกับสระน้ำขนาดใหญ่พื้นที่ประมาณ 1 ไร่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายทองปาน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้พบศพคนเเรก กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในวัด เเล้วบังเอิญเห็นคนนั่งที่ม้าหินอ่อน ตอนเเรกคิดว่าคงมานั่งเล่น เเต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็ต้องผงะ เพราะพบว่ามีรากไทรผูกคอ และพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งรากไทรที่คอนั้น ไม่ได้เป็นการมัดหรือผูก เเต่เป็นลักษณะของการนำมาพันคอไว้เเล้วขาดอากาศหายใจ
ทั้งนี้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ชายคนดังกล่าว เข้ามารับจ้างภายในหมู่บ้าน มักนำสุนัขและวิทยุมานั่งฟังเพลงภายในวัดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ทราบสาเหตุที่ผูกคอตัวเองเสียชีวิต
ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวอีกว่า เมื่อ 2 ปีที่เเล้ว มีชาวบ้านในหมู่บ้าน ชักตายต่อหน้าต่อตาชาวบ้าน ขณะนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออก เพื่อจับปลาในสระใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อว่ามาจากเรื่องความอาถรรพ์ของปู่พญานาค ที่ผู้ตายไม่ได้จุดธูปบอกกล่าวก่อนจับปลา
ด้านพระอธิการประสพ ศิริจันโท เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า เปิดเผยว่า ความเป็นมา ก่อนจะมีการสร้างพญานาคอยู่ริมสระ เมื่อเดือนพ.ค.62 ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. อาตมาลงมาสรงน้ำด้านล่างกุฏิ เเล้วบังเอิญมองเห็นดวงไฟสีเเดงอยู่กลางสะน้ำ ตอนเเรกคิดว่าเป็นไฟชาวบ้านที่มาส่องปลา เเต่ดวงไฟดังกล่าวอยู่สูงมาก เมื่อมองดูดี ๆ ก็ต้องตกใจ เพราะดวงไฟที่เห็นคือดวงตาของพญานาค กำลังโผล่หัวอยู่เหนือผิวน้ำ เกล็ดสีเขียวปีกเเมงทับ โคนเคราสีดำ ปลายเคราสีขาว จึงรีบวิ่งขึ้นกุฏิเพื่อจะไปเรียกพระอีกรูปให้ลงมาดู เเต่เมื่อลงมาปรากฏว่าหายไปเเล้ว
กระทั่งมีซินแสจากบุรีรัมย์มาดูตำรา บอกว่ามีองค์พญานาคประทับอยู่ที่สระแห่งนี้ คอยปกปักรักษาอาณาเขตสระน้ำแห่งนี้ไว้ จึงระดมชาวบ้านช่วยกันสร้างศาลพญานาค และรูปปั้นพญานาคไว้ดูแลประจำสระน้ำแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีการเสียชีวิตของชาวบ้านทั้ง 2 ราย ชาวบ้านก็มีความเชื่อเรื่องพญานาค เเต่สำหรับอาตมาไม่ขอเเสดงความคิดเห็น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมหวัง สุชีพ นายจ้างของผู้ตาย เจ้าของร้านขายอุปกรณ์การเกษตร เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นลูกจ้าง ทำงานอยู่กับตนมาตั้งเเต่ปี 60 ที่ผ่านมา เป็นคนขยัน มีความรับผิดชอบสูง เเต่มักจะชอบดื่มเหล้า เวลาเมาก็ชอบหาผ้ามาพันคอเล่น เเละมักจะพูดจาเรื่อยเปื่อยในทำนองว่า "ข้าเป็นอมตะ ข้าคือหัวหน้าผี"
นอกจากนี้ผู้ตายยังเคยพูดเป็นลางกับตนว่า "คอยดูนะ เดี๋ยวผมจะตายให้ดู เเล้วผมจะตายตรงต้นไทร (จุดเกิดเหตุ) ผมจะเป็นกุมารไปสู้กับเทวดา เเล้วถ้าผมตายผมจะดังกว่าไอ้ไข่"
เมื่อได้ยินดังนั้น ตนก็พูดตอบกลับไปเเบบเล่น ๆ ว่า "ถ้ามึงตายเดี๋ยวกูใส่ชุดกุมารให้" ก็ไม่คิดว่าจะตายจริง เเละยังตายตรงจุดที่เคยพูดไว้ด้วย ดังนั้นตนจึงซื้อชุดกุมารมาใส่ให้ผู้ตายตามสัญญาืเพราะคนเชื่อในสิ่งลี้ลับเช่นกัน
จากนั้นนายจ้างได้พาทีมข่าวไปดูสุนัขของผู้ตาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในความดูเเลของนายจ้าง เป็นสุนัขพันธุ์บูลลี่ผสมพัธุ์ไทย เพศผู้ อายุ 2 ปี ชื่อเจ้าตาหวาน ก็พบว่าสุนัขตัวดังกล่าวนั่งอยู่ที่หน้าบ้านด้วยอาการเหงา ลักษณะเหมือนรอเจ้าของ
ส่วนศพของผู้ตาย ตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ภายในศาลา วัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทันทีที่ทีมข่าวเดินเข้าไปในศาลา ปรากฏว่ามีเรื่องเเปลก จู่ ๆ ไฟก็เกิดลุกไหม้กระถางธูป จนญาติต้องรีบวิ่งมาดับ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายมนูญ การัมย์ น้าของผู้ตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายไม่มีภรรยา ส่วนลักษณะนิสัยติดเหล้ามานาน เเละมักจะชอบดมสารระเหยจำพวกกาว จนเคยถูกตำรวจจับดำเนินคดีไปหลายครั้ง ซึ่งภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ อ.กระสังข์ จ.บุรีรัมย์ เเต่เมื่อ 10 ปีที่เเล้ว ผู้ตายได้ออกจากบ้านหางานทำ โดยที่ญาติทุกคนก็ไม่มีใครทราบว่าผู้ตายมาอยู่ที่อ.สตึก เพราะผู้ตายไม่เคยบอก เเละไม่เคยติดต่อกลับไปหาญาติอีกเลย จนกระทั่งเสียชีวิต มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาจึงทราบเเละรีบเดินทางมา
อย่างไรก็ตาม ส่วนในเรื่องของสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ทางญาติเชื่อว่าน่าจะมาจากความที่เมาเหล้าหนัก และไม่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับอย่างที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อกันอย่างเเน่นอน ส่วนเรื่องไฟไหม้กระถางธูป ญาติก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะภาชนะที่ใช้รองเป็นถังพลาสติก เมื่อโดนไฟจากเทียนก็ลุกไหม้เป็นเรื่องธรรมดา
Advertisement