จากกรณี เวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 22 ก.พ. 64 สภ.สามควายเผือก รับแจ้งเหตุที่ห้องเย็นให้เช่าแช่เนื้อหมูแห่งหนึ่ง ใน จ.นครปฐม มีผู้บาดเจ็บคือนางสาววรุณยุพา หรือ ยุ อายุ 33 ปี ถูกยิงที่ท้อง 1 นัด ญาติได้นำตัวส่งโรงพยาบาล อาการสาหัส ขณะนี้รักษาตัวในห้องไอซียู
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายพีระยุทธ ลำประเสริฐ หรือ พี อายุ 39 ปี ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมปืนที่ใช้ก่อเหตุ 9 มม.
วันที่ 24 ก.พ. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ห้องเย็นให้เช่าแช่เนื้อหมู ต.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม ที่เกิดเหตุ เป็นโรงงานซึ่งอยู่ภายในบ้านพัก ที่ดินประมาณ 1 ไร่ 1 งาน ของพ่อแม่อดีตสามีของคนเจ็บ ซึ่งยกที่ดินให้นายเบิร์ด ลูกชาย อดีตสามีของคนเจ็บ และนายเบิร์ดกับคนเจ็บถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน แต่ทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
โดยเมื่อเดือน ต.ค. 63 ที่ผ่านมา นายเบิร์ดตายด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ต้องรอดำเนินการเรื่องที่ดิน และในฐานะของพ่อแม่กำลังทำเรื่องเป็นผู้ดูแลมรดก
เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ และนำการ์ดกล้องวงจรปิดไปทั้งหมด นายณัฐวุฒิ ศักดิ์วิโรจน์ อายุ 37 ปี น้องชายของอดีตสามีผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า วันที่ 22 ก.พ. 64 เวลาประมาณ 19.00 น. นายพีมาที่บ้านของตน และบังเอิญเดินมาเจอนางสาวยุก่อน แล้วนายยุ่นค่อยเดินตามออกมา นายพีได้สอบถามนางสาวยุว่า "มึงสองคนคบกันก่อนที่เบิร์ดจะเสียชีวิตหรอ" แต่ทั้งคู่ยืนบันว่าเป็นเพื่อนกัน
นายพีบอกว่า "ให้เรียกเพื่อนคนนั้นมาคุย ถ้าใครโกหก ค่อยว่ากัน" จากนั้นก็เกิดมีปากเสียงกัน และนางสาวยุได้พูดจากยั่วโมโหว่า "แน่จริง ยิงเลย" ขณะที่เกิดเหตุ ตนเชื่อว่าคนที่ทำนั้นไม่ใช่นายพี แต่ลักษณะของนายพีในตอนนั้นเหมือนกับนายเบิร์ด พี่ชายของตน ที่เพิ่งจะเสียชีวิตไป เพราะพี่ชายเป็นคนอารมณ์ร้อน ขณะที่ตนเห็นยังรู้สึกขนลุก และเชื่อว่าพี่ชายของตนมาเข้าสิงนายพี ส่วนตัวเชื่อว่านายพีไม่ได้ตั้งใจ และเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปืนผีผลัก เพราะทุกคนตกใจหมด แม้แต่คนเจ็บก็คงจะตกใจ
ตนคาดว่า พี่ชายของตนต้องการจะสื่อสารว่า สิ่งที่นางสาวยุทำอยู่นั้นไม่ถูกต้อง หลังจากเกิดเรื่องนายพีบอกยว่าไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ก่อนที่จะเข้ามาที่บ้าน นายพีไปยืนอยู่หน้าที่เก็บกระดูกของพี่ชายตนกว่า 1 ขั่วโมง แล้วค่อยเดินทางมาที่เกิดเหตุ ซึ่งตนคิดว่า น่าจะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้พ่อของตนก็เคยเห็นนายเบิร์ดวนเวียนอยู่แถวบ้านเช่นกัน
โดยนายพีเป็นคนที่เป็นคนดีมาก เรียบร้อย ร่าเริงดี และรักเพื่อนมาก ซึ่งพี่ชายกับนายพีสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนชั้น ม.ต้น นาน ๆ ครั้งถึงจะเข้ามาที่บ้าน ส่วนใหญ่จะเข้ามาช่วงเทศกาล ก่อนที่จะเสียชีวิตพี่ชายของตนเคยฝากฝังให้นายพีดูแลพ่อแม่ ลูกชาย และคนในครอบครัว แต่พอมาทราบเรื่องที่ว่าฝ่ายหญิงไปมีคนอื่นพาเข้าบ้านจึงเป็นกังวล เพราะมองว่าหลานชายซึ่งเป็นลูกติดของนายเบิร์ดจะไม่ได้รับมรดก
อีกทั้งสาเหตุที่ทำให้บันดาลโทสะ เป็นเพราะนายพีไปรับรู้ว่าคนเจ็บไปมีความสนิทกับคนอื่น ก่อนที่นายเบิร์ดจะเสียชีวิต นายเบิร์ดได้ฝากให้นายพีดูแลครอบครัวของนายเบิร์ด และขอให้เกียรติพ่อกันแม่ของตน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่านายพีไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร แต่นายพีจะเข้ามาตักเตือนให้เกรงใจพ่อแม่บ้าง และตนยืนวันว่าไม่มึเรื่องชู้สาวแน่นอน เพราะนางสาวยุกับนายพีแทบจะไม่ค่อยได้พูดคุย
นางชุติกานต์ ศักดิ์วิโรจน์ อายุ 57 ปี แม่ของอดีตสามีผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 ก.พ. นายพีระยุทธโทรมาหาตน และถามว่ากระดูกของลูกชายอยู่ตรงไหน ตนจึงบอกว่าอยู่ที่วัดเผือก และตนบอกให้แวะมาที่บ้านด้วย เพราะที่บ้านกินหมูกระทะ ก่อนที่จะเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงนายพีเข้าไปกล่าวตักเตือน นางสาววรุณยุพา คนเจ็บ ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของตนทำนองว่า "จะทำอะไรทำให้ดี อะไรที่ไม่ดีให้ไปทำข้างนอก อย่าทำต่อหน้าพ่อแม่ เพราะที่นี่พ่อแม่ก็อาศัยอยู่ด้วย" ซึ่งตอนที่กล่าวตักเตือน นายยุ่น คนสนิทของนางสาวยุ ก็อยู่ด้วย
จังหวะที่ตนเดินเข้าไปดู นายพีทำท่าจะเข้าไปหานายยุ่น แต่นายยุ่นวิ่งหนี ฝ่ายหญิงเข้าไปห้าม ตนก็เข้าไปพูดบอกว่าอย่าทำ ซึ่งนายพีก็ฟังตน แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ตนหันไปอีกครั้งเสียงปืนก็ดังขึ้นแล้ว ซึ่งนายพีได้แต่ยืนงง และไม่ได้หนีไปไหน จากกรณีที่ นายเบิร์ดลูกชายที่ตายไป ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกับนางสาวยุ ตนไม่ได้อยากจะเอาที่ดินคืน แต่ตนอยากจะให้นางสาวยุใส่ชื่อนายเต้ย ซึ่งเป็นลูกติดของนายเบิร์ดลงไปในกรรมสิทธิ์ที่ดินด้วย เพื่อให้ลูกติดของนายเบิร์ดมีทรัพย์สินติดตัว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้โกรธนายพี และตนเชื่อว่านายพีทำไปเพราะคำสั่งเสียของลูกชายที่เคยบอกให้ดูแลครอบครัว นอกจากนี้ ตนเชื่อว่านายพีไม่ได้ตั้งใจยิง แต่ทำไปเพราะรักเพื่อน สุดท้ายนี้ตนอยากจะให้นายยุ่น และฝั่งของคนเจ็บออกมาพูดความจริง
ด้านนายสุชาติ ศักดิ์วิโรจน์ อายุ 59 ปี พ่อของอดีตสามีคนเจ็บ เปิดเผยว่า นายเบิร์ด ลูกชายคนโตของตนหลังจากที่เสียชีวิต นายยุ่น คนสนิทของลูกสะใภ้ก็เริ่มแวะเวียนมาหา โดยนายยุ่นไม่ได้เป็นพนักงานของโรงเย็น แต่รู้จักกับนางสาวยุ และเคยทำงานกับนางสาวยุ หลังจากที่ช่วงตรุษจีนก็เริ่มมานอนเล่นที่ออฟฟิศบ่อยขึ้น อีกทั้งนางสาวยุให้ความสำคัญกับนายยุ่นมากเกินไป ทำให้นายยุ่นถือสิทธิ์เข้ามายุ่งวุ่นวายภายในบ้าน
โดยตนไม่เคยระบายให้นายพีฟัง แต่นายพีรับรู้เอง เพราะเป็นห่วงเพื่อน นายพีกับนายเบิร์ดสนิทกัน ทำให้สามารถดูภาพกล้องวงจรปิดภายในบ้านได้ และเห็นพฤติกรรมของนางสาวยุ ลูกสะใภ้ วันที่เกิดเหตุ นายพีจึงอยากจะเข้าไปกล่าวตักเตือน ก่อนที่จะเข้ามา ได้โทรมาหาแฟนของตนสอบถามว่ากระดูกของเพื่อนอยู่ไหน เพราะนายพีตั้งใจจะเข้าไประบายความในใจเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นห่วงคนในครอบครัว วันนั้นตนสั่งหมูกระทะมากินด้วยกันพอดี เลยชักชวนให้มากินหมูกระทะที่บ้าน
กระทั่งนายพีเข้ามาโต้เถียงกับนายยุ่น นางสาวยุจึงเข้าไปห้าม และแย่งปืน แต่ตอนแรกไม่เป็นไร ก็แยกย้ายกันไป เพราะนายยุ่นวิ่งหนีไปแอบที่อื่น ต่อมานางสาวยุโต้เถียงและท้าทาย "ให้ยิงกูสิ" ทำให้นายพีโมโหเลือดขึ้นหน้า แล้วพลั้งยิง ตนมองว่าลักษณะการยิงคล้ายกับผีผลัก คล้ายกับอุบัติเหตุปืนลั่น เพราะลูกกระสุนในรังเพลิงมีเพียง 1 นัด และการตั้งใจยิงจะต้องยิงประมาณ 3 นัดขึ้นไป
และเชื่อว่านายพีตั้งใจจะข่มขู่เท่านั้น แต่ไปโดนคนเจ็บแทน หลังจากเกิดเหตุนายพีไม่ได้กล่าวขอโทษใคร มีท่าทางมึนงงว่าเกิดเหตุได้อย่างไร
ส่วนสาเหตุที่พกปืน ตนมองว่านายพีรับราชการ และขับรถเดินไปทางไปกลับบ้าน นำปืนติดตัวไว้ตามปกติ เพราะเป็นปืนที่มีทะเบียน อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอความเป็นธรรม อยากจะให้สื่อยืนเคียงข้างประชาชน และนำเสนอความจริง ส่วนสื่ออื่นที่นำเสนอข้อมูลเท็จและทำให้คนอืนได้รับความเสียหาย ตนอาจจะมีการฟ้องกลับ
Advertisement