กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ake srisuwan โพสต์แชร์ตามล่าคนเมายาทำร้ายหญิงสูงอายุเสียชีวิต พร้อมกับประกาศติดตามตัวนายณรงค์ หรือ นายเอก พวงสาลี อายุ 42 ปี คนร้ายก่อเหตุทำร้ายหญิงสูงอายุได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคนตายคือ นางอุบล คำแย้ม อายุ 68 ปี ท้องที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เบื้องต้นทราบว่าขณะก่อเหตุมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติดด้วยนั้น
วันที่ 13 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยัง ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านรินถนนในชุมชน ที่เกิดเหตุมีแคร่ไม้อยู่หน้าบ้านว่างอยู่ใต้ซุ้มองุ่น บริเวณที่เกิดเหตุยังพบเก้าอี้หินอ่อน จุดที่ศีรษะของนางอุบลไปฟาดบริเวณเหลี่ยม จนกระทั่งเกิดอาการเลือดข้างในสมอง
ส่วนถัดไปภายในซอย ซึ่งจะเป็นทางเข้าส่วนบุคคล ด้านในมีบ้านสองหลัง หลังที่ตรงจากปากซอยไม่มีรั้วกั้น เป็นบ้านของนายณรงค์ หรือ เอก คนก่อเหตุ ซึ่งพบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอาศัยอยู่ เจ้าตัวหลังจากก่อเหตุก็ไม่ได้ย้อนกลับมา ยังคงปิดล็อกเอาไว้ ขณะที่บ้านของผู้ตาย อยู่ใกล้กันมีรั้วสังกะสีกั้นเอาไว้ บริเวณทางเข้าบ้านของผู้ตายจะมีรั้วเหล็กกั้นเอาไว้อยู่ บ้านอยู่ห่างกันไม่ถึง 1 เมตร ส่วนลักษณะการเข้ามาภายในบ้าน ก็จะต้องใช้ซอยส่วนบุคคลร่วมกัน
นางจำนงค์ ศรีจันทร์ อายุ 85 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ช่วงวันเกิดเหตุ 3 ม.ค. เวลาช่วงเย็น ตนเองและผู้ตายได้มานั่งพูดคุยกันบริเวณแคร่ไม้หน้าบ้าน ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงหรือนินทาคนก่อเหตุ แต่เป็นการพูดถึงเรื่องโควิด-19 ที่กำลังระบาด จากนั้นพบว่านายเอก คนก่อเหตุ ได้เดินผ่านบริเวณหน้าบ้าน ห่างออกไปประมาณ 5-6 เมตร และได้วกกลับมาหาตนเองและคนตาย พร้อมทั้งมาหาเรื่อง และขอเงินจำนวนหนึ่ง
ซึ่งผู้ตายไม่มีเงินให้ จึงได้ถูกกระชากลุกออกจากแคร่ไม้ ไปล้มลงอยู่ที่ริมถนนฟุตพาทหน้าบ้าน จากนั้นก็โดนกระทืบ จนมีเลือดไหล และได้รับการช่วยเหลือทำแผลเบื้องต้น นายเอกก็หนีไป และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เจอเบาะแส ซึ่งไม่รู้ว่าหนีหายไปที่ไหน
สาเหตุที่เกิดขึ้น ตนเองเชื่อว่าผู้ตายไม่ได้ไปมีเรื่องกับคนก่อเหตุ แต่ด้วยอาการหลอนยา และมักจะหาเรื่องกับคนในหมู่บ้าน จึงได้มีการทำร้ายร่างกาย ส่วนตัวมีอายุยอมรับว่าบางครั้งอยู่บ้านเพียงลำพังก็มีหวาดกลัวนายเอกจะมาก่อเหตุทำร้ายตนเองเช่นเดียวกัน หากเป็นไปได้ก็อยากให้ตำรวจดำเนินการจับกุมให้ได้ แล้วนำไปบำบัด เพื่อจะได้ให้คนในหมู่บ้านไม่ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง
ล่าสุด ตำรวจได้ออกหมายจับ และตั้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่น จากเดิมที่ออกหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ส่วนเรื่องของคดียาเสพติด อยู่ระหว่างนำตัวมาตรวจสอบสารเสพติดในร่างกาย ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
ขณะที่ฌาปนสถานวัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนางอุบล คำแย้ม อายุ 68 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า นายสัญชัย ช้างเนียม หรือ บี อายุ 40 ปี ลูกชายผู้ตาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองมาทราบจากเพื่อนบ้านที่โทรมาแจ้ง บอกว่านายณรงค์ก่อเหตุทำร้ายจนกระทั่งหัวแตก สะโพกหัก มีรอยช้ำตามตัว
จากนั้นตนเองได้เข้าไปที่เกิดเหตุเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น พบว่าเลือดนองเต็มพื้น บริเวณหัวมีรอยแตก จากนั้นได้นำตัวส่งโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. และ ได้รับการผ่าตัดเร่งด่วนในวันที่ 11 ม.ค. จากนั้นพบว่าแม่เกิดอาการช็อก หมดสติ ในระหว่างการผ่าตัด ซึ่งได้มีการปั๊มหัวใจจำนวน 2 ครั้ง และมีการตรวจสอบในร่างกายพบว่ามีเลือดไหลในปอด ก่อนที่แม่จะทรุดหนัก ตนเองได้คุยกับแม่ แม่ก็บอกว่านายเอกเป็นคนทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นตนเองก็ส่งตัวแม่รักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลต่อเนื่อง อยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือน ก่อนที่อากาศแม่จะทรุดหนัก และเสียชีวิตในวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา
ที่ผ่านมาบ้านของตนเองกับบ้านของนายณรงค์รั้วติดกัน และไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องปกติ หลังจากที่นายณรงค์ทำร้ายร่างกายคนในบ้าน โดยเฉพาะพ่อผู้บังเกิดเกล้า ทำให้ต้องย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น บ้านหลังดังกล่าวจึงมีเพียงแค่นายณรงค์อาศัยอยู่เพียงลำพัง และเวลาที่ต้องการขอความช่วยเหลือ เรื่องค่าน้ำค่าไฟ แม่ของตนเองก็จะเป็นคนช่วยจ่ายเงินให้ อีกครั้งเวลาที่ไม่มีเงินใช้ หรือมีเงินใช้เสพยา ก็มักจะขอครั้งละ 20-100 บาท โดยแม่ของตนเองก็ใจดีให้เงินทุกครั้ง
วันนี้ยังไม่ทราบเบาะแสว่าคนร้ายอยู่ที่ไหน ซึ่งตนเองอยากจะวอนขอความเป็นธรรมไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุ จนกระทั่งวันนี้ผ่านไปแล้วกว่า 2 เดือน และล่าสุดแม่เสียชีวิตลง ตนเองก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าทางด้านของคดี และยังไม่สามารถติดตามจับคนร้ายได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมด้วย
นายบุญส่ง พวงสารี อายุ 67 ปี พ่อคนก่อเหตุ และนางสมบัติ จิตมา อายุ 48 ปี แม่เลี้ยง เปิดใจว่า ย้อนกลับไปช่วงประมาณ 10 ปีก่อน นายณรงค์ได้ก่อเหตุทำร้ายคนในบ้าน ตนเองจึงได้หอบเสื้อผ้าพร้อมกับแม่เลี้ยงย้ายออกไปอยู่ข้างนอก และพากันทำมาหากินในตลาด หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อหรือย้อนกลับไปดูชีวิตของนายณรงค์ ทราบว่าเจ้าตัวมีปัญหาชีวิต เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด เคยเข้าไปติดอยู่ในเรือนจำ 2 ครั้ง กลับออกมาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม เอาทรัพย์สินในบ้านที่มีครบทุกอย่างไปขายเพื่อเสพยา จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าไปก่อเหตุทำร้ายคนแก่จนถึงแก่ความตาย
ตนเองในฐานะพ่อยังเคยถูกนายณรงค์ทำร้ายร่างกาย ทุกครั้งที่ลูกชายมาขอเงินเพื่อไปเสพยา ให้ช้าหรือไม่ได้ให้ ก็จะโดนกระทืบและตบตี ตนพยายามเตือนและสั่งสอน นายณรงค์ก็ไม่เคยรับฟัง เพราะขาดสติจากฤทธิ์ยาเสพติด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองอยากจะฝากขอโทษไปยังครอบครัวของคนตาย และร่วมแสดงความเสียใจ แต่ไม่สามารถที่จะเดินทางไปร่วมงานศพได้ กลัวว่าญาติพี่น้องของคนตายจะไม่คุยด้วยกับตนเอง ถ้าหากจะเรียกร้องค่าเสียหาย ตนเองก็คงไม่มีปัญญาหาเงินไปชดใช้ หลังจากนี้ก็ค่อยว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่มีการประกันตัวแน่นอน
Advertisement