จากกรณีวันที่ 15 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้รับแจ้งว่ามีพระธรรมกร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง อยู่บนภูเขาซ้ายมือทางไปบ้านนาแค ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู เสียชีวิตโดยได้ใช้มีดตัดคอตัวเองจนเสียชีวิตเพื่อถวายให้พระพุทธเจ้า บริเวณจุดที่ฆ่าตัวตายมีรูปปั้นคล้ายกับพระอินทร์ไม่มีศีรษะ และมือทั้ง 2 ข้างได้ถือศีรษะคล้ายกับโดนตัดไว้ในมือนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ช็อก “กิโยตีน” หั่นคอพระธรรมกร ถูกซ่อนแยกชิ้น สื่อเจอเชือกเปื้อนเลือด-กระดูกใต้หิน
- ศิษย์โชว์ภาพอัศจรรย์เผาศพ "ธรรมกร" ร่างโผล่หัวหาย-ตัวบนฟ้า มั่นใจบรรลุ
- กู้ภัยช็อก! ศิษย์ลัทธิพระตัดหัวเก็บศพกันเองใส่โลง "ศรีอริยะ" ผวาไม่ทำตาม
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้เจอกับกลุ่มลูกศิษย์ ชาวบ้านจากตัวเมืองหนองบัวลำภูที่เคยใส่บาตรพระให้กับพระธรรมกร นางสาวเพ็ญ เปิดเผยว่า ตนเองได้มีการใส่บาตรให้กับพระธรรมกร ทราบว่าวันที่ 14 เม.ย. เป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะมีการลาสิกขาและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น วันนั้นไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต ท่านยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส และให้ศีลให้พรกับลูกศิษย์ที่มาใส่บาตร
แต่ที่ผ่านมาแม้ว่าจะได้ยินกระแสข่าวออกมาเป็นระยะว่าจะมีการก่อเหตุถวายหัวให้กับพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง ตนเองก็รู้สึกเสียใจ หลายต่อหลายครั้งที่ตนเองได้สนทนาธรรมหรือพูดคุยกับพระธรรรมกร ไม่เคยสอนลูกศิษย์ให้ต้องมีการตัดหัวถวาย แต่เป็นการกระทำเพียงตัวของพระธรรมกรที่มีความเชื่อแบบนั้นเพียงคนเดียว
ในช่วงก่อนที่จะเข้าถึงช่วงวันสงกรานต์ หรือช่วงวันที่ลูกศิษย์มารวมตัวกันแล้วเกิดเหตุพระธรรมกรกุดหัวตัวเอง จำได้ว่าเป็นช่วงก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ ตนเองได้เดินทางมาที่สำนักสงฆ์ภูหินกองเพื่อมีการถวายปัจตัง หรือความเชื่อของชาวอีสาน คือการถวายอาหารเช้าให้กับพระช่วงก่อนวันเข้าพรรษา ท่านก็ยังคงให้พรตามปกติ ไม่ได้มีการสั่งเสีย ตนเองสังเกตว่ามีโครงสร้างเหมือนสิ่งปลูกสร้างบางอย่างตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลา เป็นลักษณะโครงเหล็กคิดว่าเป็นการก่อสร้างเพิ่มเติมของพระธรรมกร ไม่คิดว่าจะเป็นเครื่องกิโยตีน เพราะด้านล่างไม่ได้มีลักษณะเหมือนเครื่องประหารหรืออุปกรณ์รองรับศีรษะ แต่มีผ้าดิบสีขาวพันอยู่ด้านบน
ส่วนกรณีเรื่องของโลงศพไม้สีน้ำตาล ส่วนตัวไม่รู้ว่ามีการสั่งทำพิเศษจากร้านไหน ในระหว่างที่ตนเองเดินทางมาทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้บ่อยครั้ง เคยเจอโลงศพดังกล่าวตั้งอยู่บนศาลา ต่างจากโลงศพทั่วไปที่เคยเห็น เพราะมีโลงลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมพื้นผ้าอยู่ด้านล่าง แล้วมีกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัสวางอยู่ชั้น มีความแปลกกว่าโลงศพทั่วไป ส่วนตัวก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่พระเกจิดังหรือพระผู้ใหญ่ที่รู้วันมรณภาพของตัวเองมีการเตรียมการสำหรับโลงศพเพื่อบรรจุร่าง ดังนั้นจึงไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องผิดแปลก
โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นชาวบ้านในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู เดินทางมากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเดินทางมาที่สำนักสงฆ์พร้อมกับครอบครัว หญิงสาวคนดังกล่าวเดินทางไปที่กองหินเจดีย์ด้านล่างสำนักสงฆ์ จุดเผาศพของพระธรรมกร ใช้มือสัมผัสไปที่กองหิน มีอาการคล้ายจะอาเจียน และมีอาการผิดแปลกไปจากเดิมเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง
นางสาวเหมียว อายุ 32 ปี อ้างว่าเป็นผู้ที่มีจิตสัมผัสพิเศษ หากเจอกับสิ่งลี้ลับหรือสิ่งที่มองไม่เห็นก็จะเกิดอาการอาเจียน หรืออาการที่ผิดแปลก เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางไปที่เจดีย์หินจุดที่มีการเผาศพร่างของพระธรรมกร เมื่อไปถึงจุดดังกล่าวมีลักษณะคลื่นไส้อาเจียน และไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง ทุกครั้งจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เวลาที่สัมผัสได้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะตนเองมีสัมผัสพิเศษ แต่ไม่ได้มีครูบาอาจารย์หรือเปิดเป็นสำนักทรง เมื่อไปถึงบริเวณกองหินดังกล่าว ต้องหยุดชะงักและก้มลงอวก เพราะกลิ่นศพ กลิ่นหินโชยแรงออกมา และยังมีพลังงานบางอย่างกระแทกมาที่หน้าอก เป็นการสื่อสารหรือบอกบางอย่างว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งกับสถานที่ดังกล่าว สิ่งที่มาบอกก็คือวิญญาณของพระธรรมกรห้ามไม่ให้วุ่นวาย และเมื่อตนเองไม่สามารถที่จะสู้หรือปะทะกับพลังงานดังกล่าวได้ จึงได้รีบถอยกลับออกมา ยืนยันว่าทุกครั้งที่ตนเองเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบดังกล่าว
จากนั้น นางสาวเหมียวก็ไปนั่งอยู่บริเวณก้อนหินแสดงอาการบางอย่าง เหมือนเกิดความไม่พอใจ ลักษณะตาขวาง สื่อสารผิดแปลก บอกว่ากำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงกับมีดวงวิญญาณเข้าสิงร่าง ทีมข่าวได้พยายามสอบถามว่า "ใช่นางสาวเหมียวหรือไม่" เจ้าตัวยังคงตอบยืนยันว่า "ไม่ใช่คนอื่น"
นายพงษ์ (นามสมมติ) สามีของนางสาวเหมียวเดินทางมาพร้อมกับลูก เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ได้บอกว่าภรรยามีความผิดปกติหรือมีอาการป่วยทางจิต แต่เจ้าตัวมักจะมีอาการแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกับสิ่งลี้ลับหรือสิ่งที่มองไม่เห็น เจ้าตัวไม่ได้เป็นร่างทรง แต่มีองค์และมีครูบาอาจารย์ จึงสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็น และอาการที่มักจะพบเจอก็คืออาการอาเจียน แล้วมีอาการไม่เป็นตัวเอง
ก่อนหน้านี้ช่วงที่เหตุเกิดเหตุการณ์ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นเหตุการณ์กราดยิงในห้างเทอร์มินอล 21 ตนเองพาภรรยาไปเดินห้าง แล้วภรรยาเกิดอาการอาเจียน และอาการผิดแปลกโดยไม่ใช่ตัวของตัวเองจึงได้ไปหาข้อมูลและย้อนดูข่าว ทราบว่าจุดที่ภรรยาเกิดอาการเป็นเพราะมีผู้ที่เสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้ตนเองรับรู้ว่าภรรยาของตนเองมักจะแสดงอาการในเวลาที่เจอกับสิ่งลี้ลับหรือในจุดที่มีคนตาย ทำให้มีความเชื่อว่าภรรยาของตนเองมีจิตสัมผัสพิเศษ ส่วนตัวยังเคยเจอเหตุการณ์ในอดีต เชื่อว่าภริยาอาจเป็นคนที่มีองค์หรือมีของในช่วงที่ทะเลาะและแยกทางกัน ตนเองนอนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้สนใจภรรยาที่อยู่บ้านอีกหลัง แต่ก็เกิดอาการและความรู้สึกในตอนเข้านอน กึ่งหลับกึ่งตื่นมีอาการว่าเหมือนมีผู้หญิงคนหนึ่งคาดว่าเป็นยายซึ่งเสียชีวิตไปแล้วมาเข้าฝัน เหมือนมาบิดที่หน้าท้อง เพราะเกิดความไม่พอใจที่ตนเองกับภรรยาแยกทางกัน เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงทำให้ตนเองกลับไปคืนดีกัน แล้วทุกอย่างก็กลับคืนมาเป็นปกติ
นอกจากนี้ ทีมข่าวเดินสำรวจทั่วบริเวณพื้นที่สำนักสงฆ์ สังเกตว่าตั้งแต่ป้ายทางเข้าดันหน้าของสำนักสงฆ์ มีการจัดทำขึ้นช่วงประมาณ 5 ปีก่อน เป็นแนวคิดการก่อสร้างของพระธรรมกร ซึ่งมีลักษณะเป็นเสาปูนทรงกลมความสูง 10 เมตร ด้านบนมีการติดตั้งป้ายระบุข้อความว่า "ที่พักสงฆ์ภูหินกอง" มีลักษณะแปลกจากป้ายที่อื่น เพราะมีการยกสูงทำลักษณะคล้ายเครื่องกิโยตีน
ทีมข่าวยังได้สำรวจด้านบนศาลาปฏิบัติธรรม พบว่าบริเวณฐานพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในศาลา ได้มีรูปภาพกายภาพร่างกาย ซึ่งเป็นการชี้ส่วนสำคัญในร่างกายและบอกถึงเส้นเลือดและกล้ามเนื้อ มีการขยายอัดกรอบขนาดใหญ่ ความกว้างประมาณ 45x65 ซม. โดยเป็นข้อสังเกตของลูกศิษย์รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไหว้พระ ซึ่งมีความผิดแปลกที่วัดจะมีการขยายกรอบโครงสร้างกายภาพของคนนำมาวางเอาไว้
Advertisement