บีบหัวใจ! พี่ปีนบ่อ 11 เมตรขาดใจตาย น้องโดดช่วยดับสลดคู่ กู้ภัยหวิดเป็นศพ 3 (คลิป)
จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ในทุ่งนาพื้นที่หมู่ 4 บ้านทุ่งหัวข้อ ต.คลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เกิดเหตุชาวบ้านพบร่างชาย 2 คนเสียชีวิต ในบ่อน้ำบาดาลริมทุ่งนา ทราบภายหลังว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน คือนายจรัญ ศรีสุรินทร์ อายุ 57 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านทองคูณ และน้องชายชื่อนายคมสัน ศรีสุรินทร์ อายุ 48 ปี ประกอบอาชีพชาวนา และมีบ่ออยู่ในมุมของทุ่งนา
คอนเทนต์แนะนำ
ผู้พบเห็นจึงรีบแจ้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จะสามารถนำร่างไร้วิญญาณของทั้งคู่ออกมาจากบ่อได้สำเร็จ นอกจากจะต้องระดมเครื่องมือและอุปกรณ์แล้ว ด้วยความที่บ่อน้ำบาดาลนี้มีความลึก 11.5 เมตร ทำให้ด้านล่างไม่มีอากาศหายใจ เป็นสาเหตุการเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ให้ผู้เชี่ยวชาญชำนาญงานเฉพาะที่มีรูปร่างสันทัด ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจพ่วงกับถังออกซิเจน และใช้เชือกโรยตัวลงไปในบ่อ พร้อมนำเชือกร่มสีแดงลงไปผูกไว้กับข้อเท้าของผู้เสียชีวิต ใช้แรงดึงจากเจ้าหน้าที่และชาวบ้านในละแวกรวมเกือบ 10 คน ช่วยกันดึงร่างขึ้นมาทีละคน เนื่องจากเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อมีขนาดแค่ 1.20 เมตร บวกกับน้ำหนักตัวของผู้เสียชีวิต นายจรัญ หนัก 58 กก. และ นายคมสัน หนัก 62 กก.
ทั้งนี้ ครอบครัวก็ได้นำมาทำพิธีทางศาสนาที่วัดคลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นางสมจิตร ศรีสุรินทร์ หรือ จิตร อายุ 55 ปี ภรรยาของนายจรัญ เล่าว่า วันเกิดเหตุ นายจรัญกำลังสูบน้ำจากคลองชลประทานเข้าทุ่งนา ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่ที่ข้างบ่อ แต่ปรากฏว่าน้ำจากคลองไม่พอ มันแห้ง นายจรัญจึงหันมาใช้วิธีสูบน้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว มีบันใดเหล็กพร้อม ซึ่งด้านล่างของบ่อมีเครื่องปั๊มน้ำอยู่ และมีน้ำอยู่แค่ประมาณลึก 5 ซม. นายจรัญจึงเอาสายพานขนาดยาว 740 ซม. ลงไปในบ่อเพื่อคล้องติดกับเภาดูดน้ำหรือปั๊มชักและเตรียมเปิดใช้งาน
ในขณะที่ นายจรัญไต่บันไดลงไปได้ 5 เมตร ก็เหมือนกับขาดอากาศหายใจ ตนที่นั่งช่วยดูอยู่ปากบ่อก็เห็นว่าสามีเริ่มถูกกลบด้วยความมืดของเงาบ่อ ก่อนที่จะร่วงลงไปที่กันบ่อ ได้ยินเสียงหายใจแรง 3 ที และเงียบไป จึงรีบโทรหานางจินดา ศรีสุรินทร์ หรือ ดา อายุ 47 ปี ภรรยาของนายคมสัน ซึ่งอยู่ที่บ้านห่างออกไปประมาณ 6-7 กม. ให้มาช่วย นายคมสันและภรรยามาถึงก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี นายคมสันจึงรีบไต่บันใดลงไปช่วยทันที ตนและนางจินดาก็บอกว่า "เฮ้ย ๆ เอาเชือกมัดเอวก่อน" พร้อมกับโทรหาหลานชายวัย 30 ปี นายคมสันกลัวว่าจะช่วยไม่ทัน จึงตัดสินใจลงไปตัวเปล่า ลงไปได้ประมาณ 5 เมตร ก็ตะโกนขึ้นมาว่า "เฮ้ย มันไม่มีอากาศหายใจนี่หว่า" ก่อนที่จะร่วงลงไปก้นบ่อเช่นกัน ตอนนั้นทุกคนที่ปากบ่อได้ยินเสียงหายใจเฮือกสุดท้ายของ 3 ครั้ง แล้วทุกอย่างก็เงียบไป หลังจากนั้น นายแสตมป์ หลานชาย ก็มาถึงพร้อมเชือกในมือ เพื่อตั้งใจจะมัดตัวนายคมสันแต่ก็ไม่ทัน
ทั้ง 3 คนก็ยังไม่ถอดใจ พยายามตะโกนเรียกผู้ตายตลอดเวลา พร้อมโทรเรียกให้คนมาช่วย เพื่อนบ้านหลาย 10 คนที่มาดู ก็ไม่มีใครกล้าลงไป เพราะกลัวขาดอากาศหายใจ จึงพยายามใช้เครื่องหว่านปุ๋ย 3 เครื่อง เป่าลมเข้าไปในบ่อ เพื่อหวังเป็นอากาศให้ทั้ง 2 คนได้หายใจ แต่ก็ไม่เป็นผล
หลังจากนั้นตนจึงโทรหา 1669 และรอประมาณ 1 ชั่วโมงกว่ากู้ภัยจะมาถึง ลงไปในบ่อประมาณ 5 เมตร ปรากฏว่าเริ่มหายใจไม่ออก และรีบปีนขึ้นด้วยสภาพอ่อนแรง หน้าซีดเหลืองแล้วเป็นลมไปทันที กู้ภัยคนอื่นจึงโทรขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ชำนาญเฉพาะพร้อมถังออกซิเจนลงไปช่วย จนกระทั่งได้กู้ร่างของทั้งคู่ขึ้นมาในเวลาประมาณ 17.30 น. และนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดคลองคูณ เวลา 20.00 น. ก่อนที่จะมีพิธีเชิญดวงวิญญาณทั้งคู่ไปเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันนี้ ตอนนี้ทางญาติกำลังรอผลการชันสูตรศพเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของทั้งคู่
นอกจากนี้ ตนก็แอบคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องอาถรรพ์ เพราะเมื่อ 3 ปีก่อน 17 เมษายน 2561 เคยเกิดเหตุฟ้าผ่าญาติผู้หญิงของสามี อายุ 54 ปี กลางทุ่งนาห่างจากครั้งนี้ประมาณ 500 เมตร จนเสียชีวิตคาที่เหมือนกัน จึงคิดว่าคงเป็นตัวตายตัวแทนในรอบ 3 ปีหรือไม่ บวกกับปกติแล้ว หลังทำการเกี่ยวข้าวและเผาฟางเสร็จ จะทำพิธีบวงสรวงแม่โพสพด้วยหัวหมู 1 หัว และไก่ต้ม 1 ตัวทันทีทุกปี แต่ปีนี้เพิ่งเกี่ยวข้าวเสร็จเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 ตั้งใจว่าจะสูบน้ำเข้านา เพื่อเตรียมสำหรับปลูกข้าวรอบถัดไปก่อน แล้วค่อยมาทำพิธี โดยไม่ได้บอกกล่าว ก็เกรงว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วย
ยอมรับว่าวินาทีที่ที่รอเจ้าหน้าที่นาน 1 ชั่วโมงนั้น ก็ใจหวิว ใจไม่ดี ส่วนนางจินดาถึงกับเป็นลม และทำใจไว้บ้างแล้วว่าทั้งคู่คงไม่รอด แต่ก็ยังมีหวัง จึงพยายามบนบานศาลกล่าวว่าหากทั้งคู่ปลอดภัยจ ะแก้บนด้วยลิเก 1 คืน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ที่ผ่านมาสามีกับตนก็ประกอบอาชีพชาวนาเป็นรายได้หลัก ตามประสาคนบ้าน ๆ เพราะที่นากว่า 7 ไร่ตรงนี้เป็นมรดกของแม่สามีที่มอบให้ มีบ้างที่บางวันสามีจะมาช่วยงานเป็นสัปเหร่อให้ที่วัดคลองคูณ แล้วพอมาเสียชีวิตแบบนี้ ตนก็เลยเหลือแค่ลูกชาย 1 คน อายุ 28 ปี ทำอาชีพครูในโรงเรียนใกล้บ้านเป็นเสาหลักแทน สุดท้ายทั้งคู่เขารักกันมาก ไปไหนมาไหนกันตลอด มีพี่ต้องมีน้องไปด้วย จึงอยากบอกกับทั้งคู่ว่า ไปดีนะ ไปสู่สุคติ ไปภพภูมิที่ดี หลับกันให้สบายทั้ง 2 คนพี่น้อง
นางสม ศรีสุรินทร์ อายุ 88 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต มีลูกทั้งหมด 6 คน ก่อนหน้านี้เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน เป็นผู้ชายและผู้หญิง คราวนี้ต้องมาเสียลูกชายอีก 2 คนพร้อมกัน นายจรัญ เป็นลูกคนที่ 2 และนายคมสัน เป็นลูกคนที่ 5 บอกว่า ลูกชายทั้ง 2 คนเลี้ยงง่ายมาก เป็นคนตั้งใจทำงาน ทำนาเลี้ยงครอบครัว ดูแลรักใคร่ครอบครัวอย่างดีตลอด โดยเฉพาะคนพี่ นายจรัญเป็นคนที่ให้คำปรึกษากับคนน้องได้ดีมาก ๆ เป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น
แต่วันนี้ตนต้องมาสูญเสียลูกชายไปพร้อมกันถึง 2 คน หัวอกคนเป็นแม่ที่เห็นหน้าลูกทุกวัน ก็เสียใจมาก อย่างไรก็ตาม ตนได้บอกกับลูกไว้แล้วว่าขอให้ไปผุดไปเกิดในที่ดี ๆ ในที่ที่ชอบ สุดท้ายก็อยากบอกกับลูกทั้ง 2 คนว่าหากชาติหน้ามีจริง ก็ขอให้กลับมาเกิดเป็นลูกของแม่เหมือนเดิม
นายแสตมป์ หลานชายที่อยู่ในเหตุการณ์ พาไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทุ่งนาหลายไร่ ห่างจากวัดประมาณ 2 กิโลเมตร เหลือเพียงแค่ร่องรอยเหตุการณ์ที่เกิดการสูญเสีย บริเวณบ่อก็มีบันไดเหล็กยาวลงไปถึงก้นบ่อ 4 ด้านของบ่อก็ยังมีรอยหลุมเสาหลังคาคลุมบ่อ พร้อมสังกะสีที่ถูกนำไปวางอยู่ที่นา รวมถึงก้านธูปจากพิธีเชิญวิญญาณ
Advertisement
